#คนทำธุรกิจต้องรู้ “เร็วไป” หรือ “ช้าไป”อันไหนอันตรายกว่ากัน?

โลกธุรกิจกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด
คำถามที่เจ้าของธุรกิจและผู้บริหารต้องเผชิญอยู่เสมอคือ “เร็วไป” หรือ “ช้าไป” อะไรอันตรายกว่ากัน?

ลองนึกภาพคุณอยู่ในสนามแข่งรถทางตรง ถ้าคุณกดคันเร่งสุดแรงแต่ควบคุมรถไม่อยู่ โอกาสชนมีสูง แต่ถ้าคุณขับช้าเกินไปจนคู่แข่งแซงหมด ก็ไม่มีทางชนะเกมนี้

ในธุรกิจ “เร็วไป” คือการรีบเร่งตัดสินใจ ลงทุน หรือออกผลิตภัณฑ์โดยที่ยังไม่พร้อม เช่น รีบขยายสาขาก่อนระบบจัดการเข้าที่ หรือเร่งเปิดตัวสินค้าโดยไม่ทดสอบตลาดให้ดี

ผลลัพธ์คืออะไร?
พลาด เสียหาย และล้มเหลวอย่างรวดเร็ว

ส่วน “ช้าไป” คือการมัวแต่รอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ กว่าจะตัดสินใจก็เสียโอกาส คู่แข่งก้าวนำไปแล้ว ตลาดเปลี่ยนไปแล้ว เช่น ธุรกิจที่ไม่ปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ในช่วงโควิด สูญเสียโอกาสและต้องปิดตัวลง

แล้วอะไรอันตรายกว่ากัน?
“ช้าไป” อันตรายกว่า เพราะธุรกิจที่ช้าไปจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โอกาสดีๆ มักมาแบบไม่รอใคร และในยุคนี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา หากคุณมัวแต่ลังเล คู่แข่งที่กล้าตัดสินใจจะกวาดตลาดไปก่อนคุณ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “เร็วไป” เป็นเรื่องดีเสมอ ธุรกิจที่รีบเกินไปโดยไม่มีข้อมูลรองรับก็มีโอกาสล้มเหลวเหมือนกัน คำตอบที่แท้จริงจึงอยู่ที่ “เร็วอย่างมีจังหวะ”

4 วิธีทำให้ธุรกิจ “เร็วอย่างมีจังหวะ”

  1. รู้จักตลาด อย่าพึ่งเร่งเครื่อง ถ้ายังไม่รู้ว่ากำลังแข่งในสนามแบบไหน ศึกษาลูกค้า คู่แข่ง และแนวโน้มให้ชัดเจน
  2. สร้างระบบรองรับ ก่อนจะโตเร็ว ต้องมีรากฐานที่มั่นคง ทั้งคน ทีมงาน ระบบการทำงาน
  3. กล้าตัดสินใจ แต่มีข้อมูล ใช้ข้อมูลช่วยตัดสินใจ อย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์หรือตามเทรนด์
  4. ยืดหยุ่นและปรับตัว อย่าตายตัวกับแผนเดิม ถ้าตลาดเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนเร็วพอ

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่เร็วที่สุด แต่คือธุรกิจที่ เร็วพอและแม่นยำ

ตอนนี้ธุรกิจของคุณกำลังเร็วไป หรือช้าไป ลองถามตัวเองดูครับ…


อย่าลืมติดตาม Leadership Class หรือ
แหล่งรวมเคล็ดลับและความรู้ดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณเป็นผู้นำระดับแนวหน้าของประเทศไทย

Scroll to Top