เขียนหนังสืออย่างไรให้ดังทุกเรื่อง ยอดขายถล่มทุกเล่ม แบบ Neil Gaiman

เขียนหนังสืออย่างไรให้ดังทุกเรื่อง ยอดขายถล่มทุกเล่ม แบบ Neil Gaiman


เขียนหนังสืออย่างไร ให้ดังทุกเรื่อง ยอดขายถล่มทุกเล่ม แบบ Neil Gaiman ?

เปลี่ยนจินตนาการลอยฟุ้งในหัวสมอง 
ให้กลายเป็นงานเขียนระดับขึ้นหิ้ง

จากหนอนหนังสือผู้คลั่งไคล้ในการอ่าน
สู่ชายผู้สรรค์สร้างวรรณกรรมชื่อก้องโลก
และนี่คือเรื่องราวการเขียนของ Neil Gaiman

Neil Gaiman เป็นนักเขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการวรรณกรรมระดับโลก ผู้คนมักกล่าวขานถึงนิสัยแปลก ๆ ของเขาว่า ชายคนนี้มักจะมีจินตนาการสุดล้ำที่ใครก็คาดไม่ถึง ความคิดและความฝันของเขาแตกต่างและพิสดารกว่าคนอื่น วิธีการมองโลกก็ไม่เคยเหมือนใคร เพราะภาพที่เขาเห็นตรงหน้ามักจะมีตัวละครใหม่ ๆ ปรากฎออกมาเสมอ 

ความคิดสร้างสรรค์ของเขาไม่ใช่พรจากพระเจ้า

ถ้าคุณอยาก “เขียน” หนังสือให้ดีขึ้น 100 เท่า
คุณต้อง “อ่าน” ให้มากกว่าเดิม 1 หมื่นเท่า

สิ่งที่ปลุกพลังแห่งจินตนาการนี้เขาได้มันมาจากนิสัยรักการอ่านที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอน 4 ขวบ เขาเติบโตมาด้วยการ อ่าน – อ่าน – อ่าน และอ่าน ปกหนังสือทุกเล่มในห้องสมุดขนาดย่อม ๆ ของเขาไม่ได้เนี๊ยบเหมือนของใหม่แกะกล่อง แต่ละเล่มล้วนก็มีร่องรอยไปตามการใช้งาน เป็นเครื่องยืนยันว่า “เขาได้อ่านมันแล้วจริง ๆ”

งานถนัดของเขาคือการเขียนหนังสือนวนิยายและการ์ตูน โดยเฉพาะแนว “ดาร์กแฟนตาซี” หรือก็คือหนังสือที่มีการเล่าเรื่องเหนือจินตนาการ แต่แอบซ่อนความน่ากลัวชวนขนหัวลุกเอาไว้หน่อย ๆ และถึงแม้จะเป็นนวนิยายสำหรับเด็ก นายคนนี้ก็ยังแอบหยอดความมืดมนเล็ก ๆ เอาไว้ ผ่านบรรยากาศและตัวละครในเรื่อง ช่วงแรก ๆ ที่หนังสือตีพิมพ์ออกไปจึงมักจะมีคำถามตามมาเสมอว่า “หนังสือพวกนี้มันเหมาะกับเด็กจริง ๆ ใช่ไหม?”

แต่ข้อสงสัยเหล่านั้นก็เป็นได้แค่กระแสที่เกิดขึ้นชั่วคราว เพราะถึงแม้เรื่องราวของเขาจะไม่ได้บรรยายถึงความสดใสน่ารักเหมือนนิทานเล่มอื่น ๆ แต่พวกเด็ก ๆ กลับชื่นชอบเรื่องเล่าจากปลายปากกาเขาอย่างมาก รวมถึงพวกผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ถ้าได้อ่านแล้วก็ถึงกับวางไม่ลงเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องราวที่ Neil Gaiman เขียนขึ้นจึงขายดีติดอันดับเสมอ กลายเป็นหนังสือ Best Seller ยอดฮิตตลอดกาล

ชายคนนี้แหละ…เทพเจ้าแห่งวงการดาร์กแฟนตาซีของจริง

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างหนังสือที่เขาเขียนแล้วประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่วโลกมาสัก 2 เล่ม เล่มแรกก็คงหนีไม่พ้น The Sandman ที่หลายคนยกให้เป็นหนังสือการ์ตูนที่ดีที่สุดในโลก และได้รับรางวัล รางวัล World Fantasy ในปี 1991 หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องของมอร์เฟียสหรือดรีม เจ้าแห่งความฝันที่ถูกมนุษย์ผู้โอหังจับตัวไปและกักขังเขาเอาไว้เป็นเวลานาน จนกระทั่งมอร์เฟียสหนีออกมาได้ ก็พบว่าโลกที่ไม่มีผู้ควบคุมความฝันได้เกิดโกลาหลผิดแปลกไปเสียแล้ว ภารกิจหลักของเขาคือการทำให้โลกนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิม  

และอีกเล่มที่ดังมากไม่แพ้กัน คือ Coraline ว่าด้วยเรื่องของเด็กผู้หญิงชื่อคอโรไลน์ ที่ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ พร้อมกับพ่อที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ และแม่ที่ไม่เคยตามใจ จนเธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิตในเมืองนี้ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้ค้นพบประตูเล็ก ๆ ในห้องนอน ซึ่งเป็นทางเชื่อมพาเธอไปเจอโลกในอีกมิติ ที่ทุกอย่างดูคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งที่แปลกก็คือ พ่อและแม่ที่เจอในโลกอีกมิตินั้นมีดวงตาเป็นรูป “กระดุม” สีดำน่าขนลุก แถมยังเอาใจใส่เธอมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บ้านหลังนี้มีปริศนาอะไรแน่ ?

นอกจากนี้ เขายังเขียนหนังสือนวนิยายและการ์ตูนที่ดังเป็นพลุแตกอีกหลายเล่ม เช่น Norse Mythology, American Gods, Stardust และ Good Omens ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกที่เข้าเขียนขึ้นในปี 1990

เรื่องราวสุดแฟนตาซีที่คลุกเคล้าความสยองขวัญเอาไว้พอประมาณ กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชวนหลงใหล เมื่อได้ลองเสพงานเขียนของเขาสักครั้ง คุณจะกลายเป็นแฟนตัวยงที่ตั้งตารอหนังสือเล่มถัดไปของเขาโดยทันที 

เขียนอย่างไรให้หนังสือขายดีติดอันดับ ?

นอกจากเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครแล้ว Neil Gaiman ยังเคยออกมาเปิดเผยเทคนิคสั้น ๆ เกี่ยวกับการเขียนหนังสือให้สำเร็จเอาไว้ 8 ข้อ นั่นก็คือ 

1. เขียน

ข้อแรกเขาแทบไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมเลย แค่บอกว่าสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า “เขียนซะ” แม้จะดูไม่มีเทคนิคพิเศษอะไร แต่เชื่อเถอะว่าวิธีการฝึกฝนที่ดีที่สุด ก็คือการเขียนไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ 

2. เติมไปทีละคำ “หาคำที่ใช่” แล้วก็เขียนมันลงไป

ยิ่งคุณมีคลังคำในหัวมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเขียนได้ดีมากขึ้นเท่านั้น ลองค้นหาคำใหม่ ๆ คำที่เขียนแล้วคุณคิดว่า “ใช่” สำหรับหนังสือเล่มนั้น จากนั้นก็เขียนมันลงไป ถ้าไม่ดีก็หาคำใหม่มาใส่เท่านั้นเอง 

3. ทำงานเขียนของคุณให้เสร็จ

“ทำทุกอย่างที่คุณต้องทำเพื่อจบมันซะ” อย่าเขียนหนังสือค้างไว้นาน ๆ เพราะนักเขียนส่วนใหญ่มักหมดไฟกลางคันและทิ้งงานเขียนไปดื้อ ๆ อย่างน่าเสียดาย อดทนทำต่อไปอีกนิด แล้วคุณจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด

4. อ่านงานที่คุณเขียน

อ่านงานที่ตัวเองเขียน และทำเหมือนว่าคุณไม่เคยอ่านมันมาก่อน

หรือนำงานเขียนของคุณไปให้เพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบหนังสือแนวเดียวกันอ่าน เพื่อรับฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเขา ความเห็นของผู้อ่านที่ชื่นชอบเรื่องราวสไตล์เดียวกัน จะช่วยให้คุณสามารถปิดช่องโหว่ และแก้ไขหนังสือให้ออกมาสมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้ 

5. ฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างระมัดระวัง

เมื่อมีคนมองเห็นจุดบกพร่องบางส่วนในงานเขียนของคุณ หรือเห็นว่ามีแค่บางส่วนเท่านั้นที่ยังไม่ค่อยโอเค ไม่เหมาะสม ทางที่ดีคือรับฟังเอาไว้และนำมาปรับแก้ แต่ถ้าพวกเขาเอาแต่ติ บอกว่างานเขียนของคุณมันไม่ถูกต้อง แถมยังชี้นิ้วสั่งให้แก้ไขงานแบบนั้นแบบนี้ ลองกลับมาทบทวนดี ๆ ก่อน เพราะพวกเขาอาจคิดผิด

6. อย่ายึดติดกับความสมบูรณ์แบบ

แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่จำไว้ว่าคุณแก้ไขมันตลอดไปไม่ได้ สุดท้ายคุณจะต้องปล่อยมันและเริ่มเขียนตอนถัดไปอยู่ดี (ไม่ว่าจะเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม)

“ความสมบูรณ์แบบก็เหมือนการตามหาขอบฟ้า” มันอาจทำให้คุณไม่ถึงฝั่งฝันถ้าเอาแต่ยึดติด คุณต้องเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้

7. หัวเราะกับมุกตลกของตัวเอง

เมื่อเขียนอะไรลงไป คุณต้องอินกับสิ่งนั้นจริง ๆ และถ้าคุณเขียนมุกตลกได้ ก็ลองหัวเราะดัง ๆ ดูสักครั้ง และอย่าเคร่งเครียดกับงานเขียนมากเกินไป

8. กฎเหล็กในการเขียนหนังสือ

กฎเหล็กในการเขียนคือ ถ้าคุณทำมันด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นมากพอ คุณจะสามารถทำอะไรก็ได้ ดังนั้น “จงเขียนในแบบที่คุณต้องการ” เขียนอย่างซื่อสัตย์ และเล่าเรื่องให้ดีที่สุดที่จะทำได้

Neil Gaiman คือเจ้าพ่อแห่งวงการนวนิยายและการ์ตูนที่นักเขียนรุ่นใหม่ ๆ ยกให้เป็นไอดอลด้านความสร้างสรรค์ แปลกใหม่ เขาทำให้หลายคนกล้าฉีกกฎการวางพล็อตเรื่องแบบเดิม ๆ กล้าเปิดใจลองทำอะไรที่แหวกแนว เขากลายเป็นหัวขบวนแห่งความสดใหม่ในทุกยุคสมัย

งานเขียนของเขาไม่เคยล้าสมัย

หนังสือทุกเล่มคือ “สมบัติ” แห่งวงการวรรณกรรมอันล้ำค่า

พรสวรรค์ ไม่สำคัญเท่าการฝึกฝน และคุณเองก็เป็นนักเขียนได้เช่นกัน 

แนะนำหนังสือ 3 เล่ม ที่ Bill Gates นักธุรกิจ Top 5 ของโลก เลือกอ่าน

โลกใบนี้เป็นโลกของผู้คนที่เขียนได้ดี เล่าเรื่องได้น่าฟัง

ในเส้นทางของชีวิตของเราที่ผ่านมา เชื่อว่าทุกคนต้องประสบพบเจอเรื่องราวระหว่างทางมากมาย ทั้งอดทน ฝ่าฟัน กัดฟันสู้ เเละประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเราอยากเเบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ที่ทั้งดีเเละไม่ดีออกมาเพื่อให้เป็นประโยชน์เเก่ทุกคน

เเละหนึ่งในรูปเเบบการถ่ายทอด ก็คือการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ออกมาเป็น ตัวหนังสือ เเต่หลาย ๆ คนกลับไม่กล้าที่จะเขียนมันออกมา เพราะกลัวว่าจะเขียนได้ไม่ดี เขียนได้ไม่โดน หรือกลัวว่าไม่มีใครสนใจ

➤ E-Book “เส้นทางสู่การเป็นนักเขียนมืออาชีพ”

จะช่วยให้ทุกคนก้าวผ่านความกลัวเเละเริ่มต้นเขียน

➤ เนื้อหาที่ท่านจะได้รับจาก E-Book เล่มนี้

บทที่ 1: กระบวนการเขียน กล่าวถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการเขียน ตั้งแต่การกำหนดวัตถุประสงค์ การรวบรวมข้อมูล การวางแผน การเขียนร่างแรก และการแก้ไขปรับปรุง

บทที่ 2: กลยุทธ์การเขียนเชิงลึก กล่าวถึงเทคนิคการเขียนที่มีประสิทธิภาพสำหรับประเภทต่างๆ ของการเขียน เช่น โครงเรื่อง ตัวละคร ฉาก อารมณ์ และน้ำเสียง

บทที่ 3: ภาษา กล่าวถึงการใช้ภาษาอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสื่อสารความคิดและความรู้สึก

เเจกฟรี!! เเจ้งว่า “ebookครูม้อค”
ที่ลิงก์นี้ได้เลย ➤   https://lin.ee/QOJZpRO

แนะนำหนังสือ 3 เล่ม ที่ Bill Gates นักธุรกิจ Top 5 ของโลก เลือกอ่าน

โดย: ครูพี่ม้อค ธวัชชัย พืชผล
เจ้าของสำนักพิมพ์ 7D Book & Digital
Scroll to Top