ใน 1,000 คนที่สร้างตัวตน มีเพียง 1 คนที่เป็นที่จดจำ – คุณอยากเป็นคนนั้นไหม?

“ในโลกที่ทุกอย่างหมุนเร็ว มีคนมากมายที่พยายามสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ โค้ชนั่น นักพูดนี่ อินฟลูเอนเซอร์คนนั้น นักเขียนคนนี้… แต่สุดท้ายแล้ว มีกี่คนที่ถูกจดจำจริง ๆ?”

ลองนึกภาพดูสิ… คุณเห็นโค้ชคนหนึ่งที่กำลังมาแรงใน TikTok แต่ไม่กี่เดือนต่อมา เขาหายไปแล้ว ไม่มีใครจำได้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร

คุณเห็นนักพูดคนหนึ่งที่ทำคอนเทนต์ไวรัล แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนก็ลืมเขาไป

ในโลกออนไลน์ มันไม่ยากเลยที่จะ “ดังชั่วคราว” แต่การเป็นที่จดจำในระยะยาวต่างหากที่เป็นเรื่องยาก

สิ่งที่ทำให้คนบางคนประสบความสำเร็จและถูกจดจำในระยะยาว ไม่ใช่แค่ “ความเก่ง” หรือ “ความขยัน” แต่มันคือ “ระบบความคิดและนิสัยที่ถูกต้อง

และระบบนั้นผมสรุปเอาไว้ใน “7 อุปนิสัยของผู้มีประสิทธิผลสูง” (The 7 Habits of Highly Effective People) ของ Stephen R. Covey ซึ่งเป็นหลักการที่นักเขียน นักพูด อินฟลูเอนเซอร์ และโค้ชระดับโลก ยึดถือและใช้ในการสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืน

ถ้าคุณอยากเป็นหนึ่งใน 1,000 คนที่ถูกจดจำ นี่คือ 7 อุปนิสัยที่จะเปลี่ยนวิธีการสร้างตัวตนของคุณไปตลอดกาล


  1. Be Proactive (จงมีความคิดริเริ่ม)

คุณต้องเป็น ‘ต้นน้ำ’ ไม่ใช่ ‘ปลายน้ำ’

คนที่สร้างตัวตนได้สำเร็จในโลกออนไลน์ คือคนที่ สร้างกระแส ไม่ใช่แค่ทำตามกระแส พวกเขาไม่ได้รอโอกาส แต่พวกเขาสร้างโอกาสขึ้นมาเอง

ในโลกออนไลน์ คนส่วนใหญ่ “รอให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น” พวกเขารอโอกาส รอให้คนมากดติดตาม รอให้คอนเทนต์กลายเป็นไวรัล แต่ในขณะเดียวกัน คนที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ ไม่เคยรอ พวกเขา สร้างกระแสขึ้นมาด้วยตัวเอง


Tony Robbins – จากเด็กยากจนสู่โค้ชที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

Tony Robbins เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่หย่าร้าง และเขาเคยไม่มีเงินซื้อข้าวกิน แต่สิ่งที่ทำให้ Tony เปลี่ยนชีวิตได้ ไม่ใช่โชคหรือโอกาส แต่เป็น ความคิดริเริ่ม ของเขาเอง

Tony เลือกที่จะเรียนรู้จากโค้ชระดับโลกอย่าง Jim Rohn และตัดสินใจว่าเขาต้องการเป็นโค้ชด้านการพัฒนาตนเอง แม้ว่าตอนนั้นจะไม่มีใครรู้จักเขาเลย แต่ Tony ไม่ได้รอให้โอกาสมาเคาะประตู เขาจัดสัมมนาของตัวเองขึ้นมา เดินเคาะประตูบริษัทต่าง ๆ เสนอให้เขาเป็นวิทยากร โดยไม่สนใจว่าใครจะมองว่าเขาเป็นใคร

Tony ใช้วิธีการ “คิดริเริ่ม” ในการสร้างตัวตนของตัวเอง เขาทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ เช่น

เขาเสนอที่จะเป็นโค้ชให้กับ CEO ของบริษัทใหญ่ โดยที่ไม่เรียกค่าตอบแทนในช่วงแรก

เขากล้าโทรหาคนที่มีอิทธิพล แม้ว่าจะมีโอกาสถูกปฏิเสธสูงมาก

เขาสร้างเนื้อหาที่ท้าทายความคิดของผู้คน และทำให้พวกเขาเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตของตัวเอง

ถ้าคุณไม่มีโอกาส – จงสร้างมันขึ้นมาเอง” – Tony Robbins

วันนี้ Tony Robbins คือโค้ชที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก สัมมนาของเขามีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคน และค่าเข้าร่วมสัมมนาของเขาอยู่ในระดับสูงที่สุดในโลก

👉 ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ คุณต้องเป็น ‘ผู้สร้าง’ ไม่ใช่ ‘ผู้ตาม’


Gary Vaynerchuk – รอไม่ได้ ลงมือทำเลย

Gary Vaynerchuk เป็นนักธุรกิจและอินฟลูเอนเซอร์ระดับโลกที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างคอนเทนต์ด้านการตลาดและธุรกิจบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

Gary ไม่เคยรอโอกาส เขาเริ่มทำคอนเทนต์ในยุคที่ YouTube ยังเป็นแพลตฟอร์มเล็ก ๆ เขาเปิดช่อง YouTube ที่ชื่อว่า “Wine Library TV” เพื่อสอนเรื่องไวน์และการทำธุรกิจ แม้ว่าตอนนั้นยังไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ แต่ Gary ทำมันต่อไปอย่างสม่ำเสมอ จนในที่สุดเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ที่คนทั่วโลกยอมรับ

Gary ไม่เคยรอให้คนมาสนใจ เขาสร้างคอนเทนต์ของตัวเองมากกว่า 10 ชิ้นต่อวัน บนทุกแพลตฟอร์ม เขาโพสต์บน Twitter, Instagram, YouTube, TikTok และ LinkedIn อย่างต่อเนื่อง เพราะเขาเชื่อว่า “ความสำเร็จไม่ได้มาจากการรอคอย แต่มาจากการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง”

ผมไม่เคยรอให้โอกาสมาถึง ผมสร้างโอกาสของตัวเองเสมอ” – Gary Vaynerchuk

  1. Begin with the End in Mind (เริ่มต้นโดยมีเป้าหมายในใจ)

“ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณกำลังจะไปที่ไหน คุณก็ไม่มีวันไปถึงที่นั่น”

ในโลกที่หมุนเร็ว ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน คุณจะกลายเป็น “เหยื่อของกระแส” คุณจะทำตามสิ่งที่คนอื่นทำ และในที่สุดคุณจะหลงทาง

คนที่สร้างตัวตนได้สำเร็จในโลกออนไลน์ ไม่ได้เริ่มต้นจากการโพสต์คลิปวิดีโอครั้งแรก หรือการเปิดเพจครั้งแรก แต่พวกเขาเริ่มต้นจาก “ภาพใหญ่” ในหัวของตัวเอง พวกเขารู้ว่าปลายทางที่ตัวเองต้องการคืออะไร และพวกเขาทำทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น

Simon Sinek – คำถามว่า “ทำไม” ที่เปลี่ยนวิธีคิดของคนทั่วโลก

Simon Sinek ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นนักพูดชื่อดัง แต่เขาเริ่มต้นจากคำถามง่าย ๆ ว่า…
“ทำไมบางบริษัทถึงประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ขณะที่บางบริษัทล้มเหลว?”

Simon ค้นพบว่า บริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจาก “WHY” หรือ “เหตุผลเบื้องหลัง” ของการทำงานของพวกเขา ไม่ใช่เพียงแค่ “ทำอะไร” หรือ “ทำอย่างไร” แต่เป็น “ทำไปเพื่ออะไร”

Simon นำแนวคิดนี้ไปสอนให้กับองค์กรชั้นนำทั่วโลก เช่น Apple, Microsoft และ Southwest Airlines และเมื่อเขานำเสนอ TED Talk ในหัวข้อ “Start with Why” แนวคิดนี้ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนในโลกธุรกิจ

Apple ไม่ได้เริ่มต้นจากการขายคอมพิวเตอร์ Apple เริ่มต้นจาก “WHY” ที่ว่า “เราอยากเปลี่ยนโลกด้วยเทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายและสวยงาม”

Steve Jobs ไม่เคยขายคอมพิวเตอร์ แต่เขาขาย “วิธีคิด” ที่ว่า “คุณสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ด้วยนวัตกรรม” นั่นคือเหตุผลที่ Apple กลายเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกหลงรัก

คนไม่ได้ซื้อสิ่งที่คุณทำ แต่พวกเขาซื้อเหตุผลที่คุณทำมัน” – Simon Sinek

Simon ใช้หลักการ “Start with Why” ในชีวิตของตัวเอง เขาตั้งเป้าหมายชัดเจนว่า
เขาอยากเปลี่ยนวิธีคิดของผู้คนในโลกธุรกิจ
เขาอยากให้ผู้คนทำงานด้วย “เหตุผล” ไม่ใช่แค่ “ทำตามหน้าที่
เขาอยากเป็นผู้นำทางความคิด ไม่ใช่แค่นักพูด

Simon ทำทุกอย่างโดยมีเป้าหมายในใจ และนั่นทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักพูดที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก


Marie Forleo – จากนักเต้นสู่โค้ชด้านธุรกิจระดับโลก

Marie Forleo เป็นตัวอย่างของคนที่มีเป้าหมายชัดเจนตั้งแต่แรก เธอไม่ได้เริ่มต้นจากการทำคลิปบน YouTube หรือการเปิดคอร์สออนไลน์ เธอเริ่มต้นจาก “วิสัยทัศน์” ว่าเธอต้องการช่วยให้ผู้หญิงทั่วโลกมีอิสรภาพทางการเงิน และสร้างธุรกิจที่พวกเขารักได้

Marie รู้ว่าการจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ เธอต้องทำมากกว่าการ “สอน” เธอต้อง สร้างระบบที่ผู้หญิงสามารถนำไปใช้ได้จริง ดังนั้นเธอจึงสร้าง B-School ซึ่งเป็นคอร์สออนไลน์ที่สอนวิธีการสร้างธุรกิจ ตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย วางแผน ไปจนถึงการตลาด

Marie เริ่มต้นจากคำถามว่า…

ถ้าผู้หญิงทั่วโลกมีอิสรภาพทางการเงิน โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร?

ฉันต้องสร้างระบบอะไร ที่ช่วยให้ผู้หญิงทำตามความฝันของตัวเองได้?

ฉันต้องทำอย่างไร เพื่อให้คอร์สของฉันช่วยผู้คนได้จริง ๆ ในระยะยาว?

Marie วางเป้าหมายอย่างชัดเจน และทุก ๆ อย่างที่เธอทำ (การเขียนหนังสือ การทำคลิป การเปิดคอร์ส) ล้วนแล้วแต่มี “WHY” เดียวกัน คือ “ช่วยให้ผู้หญิงมีอิสรภาพทางการเงิน”

วันนี้ B-School ของ Marie เป็นหนึ่งในคอร์สออนไลน์ที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดในโลก และ Marie เองก็กลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อวงการธุรกิจระดับโลก

ถ้าคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน คุณจะไม่หลงทาง” – Marie Forleo

  1. Put First Things First (ทำสิ่งสำคัญก่อน)

การรู้ว่า “เป้าหมาย” ของคุณคืออะไร (Begin with the End in Mind) เป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่สิ่งที่จะทำให้คุณก้าวไปสู่เป้าหมายนั้นได้จริง คือการ ลงมือทำในสิ่งที่สำคัญก่อนเสมอ

ในโลกที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มีสิ่งมากมายที่แย่งชิงความสนใจจากคุณ ไม่ว่าจะเป็นข้อความแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ คอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย หรือโอกาสใหม่ ๆ ที่เข้ามาในชีวิต คุณอาจรู้สึกว่าคุณ “ยุ่ง” ตลอดเวลา แต่ความยุ่งนั้นไม่ได้แปลว่าคุณกำลังก้าวหน้า

คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะพวกเขาทำทุกอย่าง แต่เพราะพวกเขา เลือกทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด ก่อนเสมอ


Steve Jobs – ความสำเร็จเกิดจากการ “ตัดสิ่งที่ไม่สำคัญทิ้ง”

Steve Jobs ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะเขาสร้างสินค้ามากมาย เขาประสบความสำเร็จเพราะเขา เลือกที่จะทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญที่สุด

ในช่วงแรกที่เขากลับมารับตำแหน่ง CEO ของ Apple บริษัทกำลังเผชิญปัญหาอย่างหนัก มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 40 ชิ้นในตลาด ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสับสน

สิ่งแรกที่ Steve Jobs ทำ คือ “ลดจำนวนผลิตภัณฑ์ลง

เขายกเลิกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำกำไร

เขาตัดสินใจว่า Apple จะทำแค่ 4 ผลิตภัณฑ์เท่านั้น ได้แก่ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop), โน้ตบุ๊ก (Laptop), อุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป (Consumer), และอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้มืออาชีพ (Professional)

Steve Jobs เลือกที่จะ “ทำสิ่งสำคัญที่สุด” และผลลัพธ์ก็คือ Apple กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

การมุ่งเน้นในสิ่งที่สำคัญที่สุด คือสิ่งที่สร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน” – Steve Jobs

ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ คุณต้องกล้าตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก

อย่าเสียเวลาตอบคอมเมนต์ทุกอัน

อย่าเสียเวลากับการทำคอนเทนต์ที่ไม่ได้เพิ่มคุณค่า

เลือกทำในสิ่งที่สำคัญต่อเป้าหมายของคุณเท่านั้น


Tim Ferriss – ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก แล้วโฟกัสเฉพาะ 20% ที่สำคัญ

Tim Ferriss สอนหลักการนี้ในหนังสือ “The 4-Hour Workweek” ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีระดับโลก เพราะมันสอนวิธีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญที่สุดเท่านั้น

Tim ใช้หลัก “Pareto Principle” หรือ “กฎ 80/20

20% ของสิ่งที่คุณทำ → สร้างผลลัพธ์ 80%

80% ของสิ่งที่คุณทำ → สร้างผลลัพธ์แค่ 20%

Tim ตัดสินใจ “หยุดทำ” ในสิ่งที่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดี เช่น
หยุดตอบอีเมลที่ไม่สำคัญ
หยุดประชุมที่ไม่มีประโยชน์
หยุดทำคอนเทนต์ที่ไม่มีคนดู

เขาเลือกโฟกัสเฉพาะสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ เช่น
ทำคอนเทนต์ที่คนให้ความสนใจมากที่สุด
โฟกัสไปที่การสร้างคอร์สที่ทำรายได้สูงสุด
ลงทุนกับโปรเจกต์ที่ขยายตัวได้ในระยะยาว

อย่าพยายามทำทุกอย่าง ให้เลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุด” – Tim Ferriss


Marie Forleo – โฟกัสเฉพาะโปรเจกต์ที่สำคัญที่สุด

Marie Forleo สร้างตัวตนของเธอจากการทำคอนเทนต์ออนไลน์เกี่ยวกับธุรกิจและการพัฒนาตนเอง แต่ในช่วงแรก Marie เคยเจอกับปัญหาที่ว่า “เธอทำทุกอย่างมากเกินไป

เธอทำ YouTube

เธอเปิดคอร์สออนไลน์

เธอเขียนหนังสือ

เธอให้สัมภาษณ์ตามรายการต่าง ๆ

วันหนึ่ง Marie ตัดสินใจหยุดและถามตัวเองว่า…
“ฉันกำลังทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร?”
“สิ่งไหนที่สร้างผลลัพธ์มากที่สุด?”

เธอพบว่า B-School คือโปรเจกต์ที่สำคัญที่สุด เพราะมันสร้างคุณค่าให้กับผู้ติดตาม และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน เธอจึง หยุด ทำสิ่งที่ไม่สำคัญ เช่น

หยุดตอบคอมเมนต์ทุกข้อความในโซเชียลมีเดีย

หยุดทำคลิปที่ไม่ได้สร้างผลลัพธ์

หยุดรับงานสัมภาษณ์ที่ไม่ได้ทำให้แบรนด์ของเธอเติบโต

Marie เลือกโฟกัสเฉพาะสิ่งที่สำคัญ และนั่นทำให้เธอสร้างอาณาจักรธุรกิจออนไลน์ที่มีรายได้หลายล้านดอลลาร์ต่อปี


หลักการ “Put First Things First” ที่คุณต้องใช้

จัดลำดับความสำคัญของงาน → อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด?
เลือกทำเฉพาะสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ → ถ้ามันไม่สร้างผลลัพธ์ → ตัดมันทิ้ง ปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ → ถ้ามันไม่ได้ช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้า → ปฏิเสธมัน

ความสำเร็จไม่ได้มาจากการทำทุกอย่าง แต่มาจากการทำสิ่งที่สำคัญที่สุด

  1. Think Win-Win (คิดแบบชนะ-ชนะ)

ถ้าคุณอยากเติบโตอย่างยั่งยืน คุณต้องทำให้คนอื่นเติบโตไปพร้อมกัน

หนึ่งในกับดักที่คนพยายามสร้างตัวตนจำนวนมากตกลงไป คือ การทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเพียงอย่างเดียว พวกเขาอยากดัง อยากรวย อยากมีชื่อเสียง แต่ในที่สุดคนเหล่านั้นมักจะหายไป เพราะพวกเขาไม่สามารถสร้าง “คุณค่า” ให้กับผู้อื่นได้จริง ๆ

คนที่สร้างตัวตนในโลกออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน คือคนที่มองว่า “ความสำเร็จที่แท้จริง” ไม่ได้มาจากการเอาชนะคนอื่น แต่มาจากการทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน นี่คือหลักการของการ “Win-Win” หรือการทำให้ทุกฝ่าย “ชนะไปด้วยกัน


Oprah Winfrey – จากผู้ประกาศข่าวสู่ราชินีแห่งรายการทอล์คโชว์

ในยุคที่รายการทอล์คโชว์เน้นการเสียดสีและการเล่นข่าวเชิงลบเพื่อดึงดูดเรตติ้ง Oprah Winfrey กลับเลือกที่จะเดินเส้นทางที่แตกต่าง เธอเลือกที่จะสร้างรายการที่เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับแขกรับเชิญ

Oprah ฟังเรื่องราวของแขกทุกคนด้วยความเห็นอกเห็นใจ เธอไม่เคยใช้คำถามเชิงเสียดสีหรือกดดัน แต่กลับเปิดโอกาสให้แขกได้พูดในสิ่งที่พวกเขารู้สึกอย่างแท้จริง แขกที่มาในรายการของ Oprah มักจะเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวที่พวกเขาไม่เคยบอกใครมาก่อน เพราะ Oprah สร้าง “ความไว้วางใจ”

“ฉันเชื่อว่า ถ้าฉันทำให้คนที่มารายการของฉันรู้สึกว่า พวกเขาได้รับโอกาสในการพูดในสิ่งที่อยู่ในใจ เราทุกคนจะได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน” – Oprah Winfrey

นอกจาก Oprah จะช่วยให้แขกรับเชิญได้ปลดปล่อยความรู้สึกและค้นพบตัวเองแล้ว เธอยังสร้าง “ความไว้วางใจ” กับผู้ชมทั่วโลก รายการของ Oprah จึงกลายเป็นรายการที่มีอิทธิพลต่อผู้คนนับล้าน และ Oprah ก็กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก


Gary Vaynerchuk – การให้ก่อนแล้วค่อยรับ

Gary Vaynerchuk ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย เขาเริ่มต้นจากการทำร้านขายไวน์ของครอบครัวให้ประสบความสำเร็จ จากนั้นเขาก็เริ่มทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์บน YouTube โดย “ให้ความรู้ฟรี”

Gary ใช้เวลาเกือบ 5 ปี ในการทำคอนเทนต์โดยที่เขาไม่ได้หวังผลตอบแทนโดยตรง เขาให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการตลาด เทคนิคการสร้างแบรนด์ การสร้างตัวตน โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว

ผมเชื่อว่าถ้าคุณให้ความรู้กับผู้คนอย่างแท้จริง วันหนึ่งพวกเขาจะกลับมาให้คุณมากกว่าที่คุณให้พวกเขา” – Gary Vaynerchuk

หลังจากที่ Gary กลายเป็นที่รู้จัก เขาเปิดบริษัท VaynerMedia ซึ่งกลายเป็นบริษัทการตลาดที่ให้บริการกับแบรนด์ระดับโลก เช่น Pepsi, Toyota และ Unilever

Gary ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล แต่เขายังคงยึดมั่นในหลัก “Win-Win” เขายังคงทำคอนเทนต์ให้ความรู้ฟรีบนทุกแพลตฟอร์ม เพราะเขารู้ว่า “ยิ่งให้มากเท่าไหร่ คุณจะได้รับกลับมามากขึ้นเท่านั้น”


บทสรุปของหลักการ “Win-Win”

ทำให้ผู้อื่นเติบโต → คุณจะเติบโตไปพร้อมกับพวกเขา

ให้คุณค่า → ความไว้วางใจจะทำให้คุณกลายเป็นที่จดจำ

ชนะไปด้วยกัน → ความสำเร็จในระยะยาวมาจากการสร้างความสัมพันธ์ที่จริงใจ

ถ้าคุณอยากสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ คุณต้องเริ่มจาก “การให้” ก่อนเสมอ


  1. Seek First to Understand, Then to Be Understood (เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้ผู้อื่นเข้าใจเรา)

“ก่อนที่คุณจะสร้างตัวตน คุณต้องเข้าใจว่าผู้คนต้องการอะไร”

หลายคนที่พยายามสร้างตัวตน มักจะเริ่มต้นจากการ “พูด” หรือ “เสนอความคิด” ก่อน โดยไม่เคยเข้าใจเลยว่าผู้ฟังกำลังต้องการอะไร หรือกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่

คนที่สร้างตัวตนได้สำเร็จ คือคนที่ “ฟัง” ก่อนเสมอ พวกเขาไม่ได้เสนอวิธีแก้ปัญหาในทันที แต่พวกเขาเริ่มต้นจากการเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของผู้คน


Brené Brown – จากงานวิจัยสู่ TED Talk ระดับโลก

Brené Brown เป็นนักวิจัยด้านจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญเรื่อง ความเปราะบาง และ ความละอาย ในตอนแรก งานวิจัยของเธอไม่ได้รับความสนใจมากนัก เพราะเธอใช้ภาษาที่ซับซ้อนและวิชาการเกินไป

วันหนึ่ง Brené ตัดสินใจ “เปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่อง” เธอเริ่มต้นจากการ “ฟัง” เรื่องราวของผู้คน ฟังว่าพวกเขากลัวอะไร รู้สึกเปราะบางอย่างไร จากนั้นเธอจึงเริ่มเล่าเรื่องงานวิจัยของเธอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้ฟัง

ฉันเริ่มต้นจากการฟัง และฉันค้นพบว่า ทุกคนกลัวการถูกปฏิเสธ และทุกคนต้องการความรัก” – Brené Brown

TED Talk ของ Brené ในหัวข้อ “The Power of Vulnerability” กลายเป็น TED Talk ที่มียอดผู้ชมสูงที่สุดตลอดกาล และหนังสือของเธอกลายเป็นหนังสือขายดีระดับโลก

ก่อนจะสื่อสารกับใคร จงเริ่มต้นจากการฟังอย่างลึกซึ้งก่อนเสมอ


  1. Synergize (ประสานพลัง)

อย่าพยายามทำทุกอย่างคนเดียว

คนที่สร้างตัวตนได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่คนที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่คือคนที่รู้ว่า “เมื่อไหร่ควรขอความช่วยเหลือ” และ “เมื่อไหร่ควรร่วมมือกับคนอื่น”


Tony Robbins และ Dean Graziosi – สองโค้ชที่รวมพลังกัน

Tony Robbins เป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ขณะที่ Dean Graziosi เป็นนักเขียนและนักลงทุนที่เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งสองคนตัดสินใจทำโปรเจกต์ร่วมกันในชื่อ “Knowledge Business Blueprint” เพื่อสอนผู้คนให้สร้างธุรกิจจากความรู้ของตัวเอง

เราไม่ได้ต้องการทำเพื่อตัวเอง แต่เราต้องการช่วยให้คนอื่นสำเร็จไปพร้อมกัน” – Tony Robbins

ผลลัพธ์คือ Knowledge Business Blueprint กลายเป็นหนึ่งในคอร์สที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลก สร้างรายได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ ในเวลาเพียง 2 ปี

อย่าพยายามทำทุกอย่างคนเดียว จงหาพันธมิตรและร่วมมือกับคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน


  1. Sharpen the Saw (ลับเลื่อย)

“ถ้าคุณไม่พัฒนา คุณจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

คนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกทุกคน ล้วนเป็น “นักเรียน” ตลอดชีวิต

คนที่หยุดเรียนรู้ คือคนที่หยุดเติบโต” – Jim Rohn


Jim Rohn – การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

Jim Rohn เป็นหนึ่งในนักพูดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เขามีชื่อเสียงในฐานะ “โค้ชของโค้ช” เพราะเขาเป็นผู้สอนให้กับนักพูดระดับโลกอย่าง Tony Robbins และ Les Brown

Jim เคยกล่าวไว้ว่า “การพัฒนาตัวเองเป็นเหมือนการลับเลื่อย” ถ้าคุณตัดต้นไม้ด้วยเลื่อยที่ทื่อ คุณจะเสียเวลาและเสียพลังงานไปเปล่า ๆ แต่ถ้าคุณหยุดเพื่อ “ลับเลื่อย” ให้คมขึ้นก่อน คุณจะตัดต้นไม้ได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น

Jim ใช้หลักการนี้กับชีวิตตัวเอง เขาอ่านหนังสือวันละ 500 หน้า ฟังเทปสัมมนาของโค้ชคนอื่น ๆ และเข้าร่วมงานสัมมนาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม

คนที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง ไม่ใช่เพราะพวกเขามีพรสวรรค์มากกว่าคนอื่น แต่เพราะพวกเขาไม่เคยหยุดเรียนรู้” – Jim Rohn

Jim เชื่อว่าถ้าคุณไม่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดคุณจะตามไม่ทันโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน นี่คือเหตุผลที่เขาสอนว่า “ถ้าคุณต้องการความสำเร็จในระยะยาว คุณต้องพัฒนาในทุก ๆ ด้านของชีวิต ทั้งร่างกาย จิตใจ และทักษะ”

Brendon Burchard – การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องคือรากฐานของความเป็นเลิศ

Brendon Burchard เป็นหนึ่งในนักพูดและโค้ชที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกด้านการพัฒนาตนเอง เขามีผู้ติดตามนับล้านคนใน YouTube และหนังสือของเขาติดอันดับหนังสือขายดีระดับโลกหลายเล่ม

Brendon เชื่อในหลักการ “High Performance” หรือ “ประสิทธิภาพสูงสุด” ซึ่งหมายถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการรักษามาตรฐานระดับสูงในทุกสถานการณ์

แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในระดับสูงแล้ว Brendon ยังคงฝึกฝนและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

เขาฝึกการพูดในกระจกวันละ 2 ชั่วโมง

เขาวางแผนการทำคอนเทนต์ล่วงหน้าเป็นเดือน

เขาเข้าร่วมสัมมนาของนักพูดระดับโลก แม้ว่าตัวเองจะเป็นวิทยากรระดับโลกแล้วก็ตาม

ผมไม่ได้เป็นนักพูดที่เก่งตั้งแต่แรก ผมเป็นนักพูดที่ขยันฝึกซ้อมที่สุด” – Brendon Burchard

Brendon เชื่อว่าการพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องของ วินัย และ ความต่อเนื่อง คนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว ไม่ใช่แค่คนที่มีความสามารถ แต่คือคนที่มีวินัยในการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง


Warren Buffett – การเรียนรู้คือการลงทุนที่ดีที่สุด

Warren Buffett เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เขาเริ่มต้นจากการลงทุนด้วยเงินจำนวนเล็กน้อย แต่สามารถสร้างผลตอบแทนมหาศาลจนกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลก

สิ่งที่ทำให้ Buffett แตกต่างจากนักลงทุนคนอื่น คือ “นิสัยในการเรียนรู้” เขาใช้เวลาวันละ 5 ชั่วโมง ในการอ่านหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การลงทุน และธุรกิจ

Buffett เชื่อว่าการเรียนรู้เป็นเหมือน “ดอกเบี้ยทบต้น

ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไหร่ ความรู้ของคุณจะทบต้นและเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น

ยิ่งคุณรู้มากเท่าไหร่ คุณก็จะตัดสินใจได้ดีขึ้น และสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในระยะยาว

การลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนในตัวเอง” – Warren Buffett

Buffett เชื่อว่า ถ้าคุณพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน


Tim Ferriss – เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อย่นระยะเวลาสู่ความสำเร็จ

Tim Ferriss เป็นนักเขียนหนังสือ “The 4-Hour Workweek” ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีระดับโลก Tim มีชื่อเสียงในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับระบบชีวิต” เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในเวลาที่สั้นที่สุด

Tim มีหลักการสำคัญในการพัฒนาตัวเอง นั่นคือ “เรียนรู้จากผู้ที่ดีที่สุดในโลก”

เขาขอสัมภาษณ์และเรียนรู้จากนักธุรกิจ นักกีฬา และผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก

เขานำวิธีการที่ดีที่สุดของแต่ละคน มาปรับใช้กับชีวิตของตัวเอง

เขาฝึกฝนและทดลองกลยุทธ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ถ้าคุณอยากเก่งที่สุดในโลก คุณต้องเรียนรู้จากคนที่ดีที่สุดในโลก” – Tim Ferriss

Tim เชื่อว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น จะช่วยย่นระยะเวลาสู่ความสำเร็จได้อย่างมหาศาล เพราะคุณจะไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเอง


บทสรุปของหลักการ “Sharpen the Saw”

พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง → โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว คุณต้องเรียนรู้ตลอดเวลา

เรียนรู้จากผู้ที่ดีที่สุดในโลก → อย่ากลัวที่จะขอคำแนะนำจากคนที่มีประสบการณ์มากกว่า

ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ → ความสำเร็จไม่ได้มาจากพรสวรรค์ แต่มาจากการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

ถ้าคุณอยากเป็นที่หนึ่ง คุณต้องฝึกฝนให้มากกว่าคนอื่น


บทสรุป: 7 อุปนิสัยของผู้มีประสิทธิผลสูง

7 อุปนิสัยนี้ไม่ใช่แค่ “แนวคิด” แต่คือ “แผนที่” ที่คนสำเร็จระดับโลกเดินผ่านมาแล้ว

  1. Be Proactive → ลงมือทำก่อน อย่ารอโอกาส
  2. Begin with the End in Mind → เริ่มต้นจากเป้าหมายที่ชัดเจน
  3. Put First Things First → ทำสิ่งสำคัญก่อนเสมอ
  4. Think Win-Win → ชนะไปด้วยกัน
  5. Seek First to Understand, Then to Be Understood → เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจคุณ
  6. Synergize → รวมพลังกับผู้อื่นเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่า
  7. Sharpen the Saw → พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

“คนที่สร้างตัวตนในโลกออนไลน์ได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่คนที่มีพรสวรรค์ แต่คือคนที่ใช้ 7 อุปนิสัยนี้อย่างชาญฉลาด”

ถ้าคุณนำ 7 อุปนิสัยนี้ไปใช้ในชีวิตและการสร้างตัวตนของคุณ คุณจะกลายเป็น 1 ใน 1,000 คน ที่ถูกจดจำ และคุณจะสร้างความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

เริ่มต้นวันนี้ – เพราะโอกาสเป็นของคนที่ลงมือทำเสมอ

ครูพี่ม้อค สำนักพิมพ์ 7D Book

Scroll to Top