หนึ่งในข้อชวนคิด ทำไมต้องไปดูบ้านช่วงฤดูฝน?


หนึ่งในข้อชวนคิด ทำไมต้องไปดูบ้านช่วงฤดูฝน? หากว่ากันตามแนวโน้มของสัมคม การมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเองก็นับว่าประสบความสำเร็จของชีวิตไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เพราะนอกจาก “บ้าน” จะหมายถึงที่อยู่อาศัยแล้ว “บ้าน” ยังสามารถอ้างอิงได้ถึงการเริ่มตั้งไข่ชีวิต ความรับผิดชอบ การวางแผน และเติมเต็มความต้องการของมนุษย์ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เราได้ขยับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้นั่นเอง

การจะเลือก “บ้าน” นั้น จึงเป็นมากกว่าความใส่ใจในเรื่องความสวยงามและการตกแต่ง แน่นอนว่าการดูฮวงจุ้ยก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่นิยมทำกันเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้สบายใจและใช้ชีวิตภายใต้หลังคาด้วยความร่มเย็นเป็นสุข

หนึ่งในข้อชวนคิด ทำไมต้องไปดูบ้านช่วงฤดูฝน?

อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีทีเดียว ที่บ้านตกแต่งไว้อย่างสวยงามตรงใจ และฮวงจุ้ยก็ไม่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่เมื่อวางเงินดาวน์ ชำระงวดครั้งแรกและเริ่มต้นเข้าไปอยู่อาศัยจริง ๆ กลับพบว่ารายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กลับเป็นเรื่องใหญ่อย่างงานระบบ หรือก็คือการเดินท่อน้ำ และไฟฟ้า ส่งผลต่อคุณภาพของบ้านได้มากกว่าที่เราคิดเอาไว้ นั่นก็เพราะหากตกแต่งไม่ถูกใจ ฮวงจุ้ยไม่ถูกโฉลก เรายังสามารถแก้ไขเองได้ แต่หากงานน้ำงานไฟเข้าเมื่อไร นั่นเท่ากับ “รื้อ” ออกอย่างเดียว

ด้านล่างนี้ คือข้อควรสังเกต 2-3 ข้อ ที่มือใหม่หรือคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านการก่อสร้าง สามารถใช้เป็นหลักประเมินเพื่อไม่ให้เกิดหรือพบปัญหาในภายหลัง

หนึ่งในข้อชวนคิด ทำไมต้องไปดูบ้านช่วงฤดูฝน?

1. นัดเซลหรือนายหน้าดูบ้านช่วงหน้าฝน

แม้จะชื้นแฉะไปเสียหน่อย แต่การเลือกดูบ้านในช่วงฤดูฝนหรือวันฝนตกสามารถบอกอะไรได้มากกว่าที่เราคิด โดยเฉพาะเรื่องบ้าน

ในวันที่อากาศดี แน่นอนว่าอะไร ๆ ก็ดีไปเสียหมด แต่เมื่อเริ่มมีฝนตกลงมา เราจะสามารถสังเกตได้ว่ามีบริเวณไหนที่น้ำรั่วซึม หรือเจิ่งนองหรือไม่ ท่อน้ำตัน หรือชักโครกกดไม่ลงหรือไม่ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบได้อีกด้วยว่าโครงการที่เราถูกใจนี้ตั้งอยู่ในจุดที่น้ำท่วมหรือไม่ ถ้าใช่ ใช้เวลานานเท่าไรน้ำจึงจะแห้ง รวมถึงระบบระบายน้ำทำไว้ดีแค่ไหน เป็นต้น

หนึ่งในข้อชวนคิด ทำไมต้องไปดูบ้านช่วงฤดูฝน?

2. ตรวจสอบถังบำบัด

ตามปกติแล้วหากไม่ขอ เซลหรือนายหน้าก็มักจะข้ามเรื่องนี้ไป อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบถังบำบัดหรือถังแซทจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

วิธีการดูนั้นเรียบง่าย เริ่มจากเปิดฝาและตรวจสอบดูว่ามีรอยแตกและน้ำรั่วซึมหรือไม่

หากสังเกตเห็นรอยแตก แต่น้ำยังอยู่ในปริมาณเท่าเดิม ให้ดูว่าสีของน้ำกลายเป็นสีขี้ดินหรือสีดำคล้ำหรือไม่ หากใช่ ก็ถือว่าถังมีรอยแตกและควรเปลี่ยนใหม่ แต่หากดูแล้วถังไม่มีรอยรั่ว และน้ำเป็นสีใส ก็ถือว่าถังบำบัดทำงานได้ปกตินั่นเอง

3. ระวังสิ้นสุดทางขึ้น!

แม้ว่าอาจเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ขั้นบันไดก็สามารถบอกได้ถึงความพิถีพิถันของโครงการได้เช่นกัน

โดยปกติแล้วตามมาตรฐานสถาปนิก ความสูงของขั้นบันไดจะอยู่ที่ 18 ซม. และหน้ากว้างราว 25 ซม. (อ้างอิงจากค่าเฉลี่ยของฝ่าเท้ามนุษย์) เพื่อทำให้การเดินขึ้นลงเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ไม่ชัน และสอดรับกับสรีระฝ่าเท้าได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

ห้องน้ำ ถ้ามีหน้าต่าง ไม่ต้องมีพัดลมดูดอากาศ แต่ถ้าไม่มี ต้องมี เพื่อให้อากาศถ่ายเท

หนึ่งในข้อชวนคิด ทำไมต้องไปดูบ้านช่วงฤดูฝน?

4. ตำแหน่งห้องน้ำ

โดยปกติแล้ว ตำแหน่งของน้ำจะแตกต่างไปตามการออกแบบและลักษณะของบ้าน อย่างไรก็ตาม บ้านประเภททาวน์โฮม หรือบ้านตึกแถวมักวางห้องน้ำไว้กลางบ้าน โดยอาจมีหรือไม่มีหน้าต่างในห้องน้ำก็ได้ ผู้อยู่อาศัยต้องระวังในจุดนี้ เนื่องจากห้องน้ำชั้นล่างส่วนใหญ่มักไม่นิยมใส่หน้าต่างเข้าไป

ในกรณีนี้ ให้สังเกตหาพัดลมดูดอากาศ เพื่อใช้ในการระบายกลิ่นต่าง ๆ และให้อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่เช่นนั้นก็อาจทำให้ห้องน้ำ รวมถึงห้องที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำดังกล่าวอับชื้นได้นั่นเอง

แน่นอนว่าการมีผู้เชี่ยวชาญหรือสถาปนิกคอยให้คำปรึกษาในการเลือกซื้อบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน แต่การเรียนรู้ด้วยตัวเองในจุดสำคัญ ๆ ก็เป็นการประหยัดเวลา อีกทั้งยังทำให้เราเข้าใจ “บ้าน” ได้ดีขึ้นอีกด้วย

บทความโดย : ปรียาภา พืชผล
บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital

• อ่านบทความอื่น ๆ ต่อได้ที่ : https://7dhub.com/blog/
• สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ : https://www.7dbookanddigital.com/

Scroll to Top