
10 วิธีปิดจุดอ่อนของผู้จัดการฝ่ายบุคคล (HR Manager) ด้วย AI + กระบวนการโค้ช
คู่มือจาก CEO ที่ใช้ AI เป็นผู้ช่วยระดับกลยุทธ์
ในฐานะที่ผมเป็น CEO ที่เติบโตจากการทำงานกับคนจำนวนมาก และปัจจุบันยังทำหน้าที่เป็นโค้ชผู้บริหาร ผมพบว่าหนึ่งในตำแหน่งที่ “รับแรงปะทะมากที่สุด” และ “มีโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลงมหาศาล” ก็คือ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR Manager)
แต่ผู้จัดการ HR หลายคนแม้จะขยัน ตั้งใจดี แต่กลับมีจุดอ่อนบางอย่างที่สะสมมาแบบไม่รู้ตัว และพอถึงจุดวิกฤติ เช่น ปัญหาการลาออก วัฒนธรรมองค์กรแย่ลง คนดีหมดแรง ก็กลายเป็นด่านแรกที่ถูกเรียกมารับผิดชอบ
ข่าวดีคือ วันนี้เรามี AI ที่ไม่ได้มาแค่ช่วยงานเอกสาร แต่สามารถกลายเป็น “โค้ชในกระเป๋า” ให้ HR เก่งขึ้นในทุกด้าน และเมื่อจับคู่กับกระบวนการโค้ชที่เป็นระบบ HR คนเดิมจะกลายเป็น “ผู้นำทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์” ได้ภายในไม่กี่เดือน
ต่อไปนี้คือ 10 จุดอ่อนที่พบบ่อยในผู้จัดการ HR และวิธีใช้ AI + Coaching Process ปิดจุดอ่อนอย่าง Step-by-Step

1. จุดอ่อน : ไม่เข้าใจธุรกิจลึกพอ ใช้ AI สร้างความเข้าใจธุรกิจแบบ Strategic HR
Step :
• ใช้ AI สรุป Business Model ของบริษัทแบบเข้าใจง่าย
• ให้ AI วิเคราะห์ว่าธุรกิจต้องใช้ “ทักษะคน” แบบใดเพื่อแข่งขันในตลาด
• โค้ช HR ผ่านการตั้งคำถาม: “ถ้าคุณคือผู้ถือหุ้น คุณจะหาคนแบบไหนมาอยู่ทีม?”
ผลลัพธ์ : HR ไม่ได้แค่รับคน แต่กลายเป็นผู้วางแผนคนให้สอดคล้องกับทิศทางบริษัท
2. จุดอ่อน : ทำงานแบบปฏิกิริยา – ใช้ AI ทำ HR Dashboard แบบ Real-Time
Step :
• ใช้ AI ช่วยดึงข้อมูลจากระบบ HR (เช่น Excel, Google Sheet, หรือ HRMS)
• สร้าง Dashboard เช่น Turnover Rate, Engagement Score, OT Trend
• โค้ชให้ HR อ่านตัวเลขอย่างเป็นระบบ และวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า
ผลลัพธ์ : HR ไม่ใช่แค่รายงาน แต่เป็น “นักคาดการณ์” ที่ป้องกันปัญหาได้ก่อนจะเกิด
3. จุดอ่อน : ไม่รู้จักใช้ Data – ใช้ AI วิเคราะห์เชิงลึก
Step :
• ป้อนข้อมูลพนักงาน เช่น อายุ เพศ ประวัติลา ปัญหาที่เจอ เข้า AI เช่น Power BI + Copilot
• ให้ AI หาความสัมพันธ์ เช่น คนลาออกส่วนใหญ่มาจากแผนกที่ไม่ได้อบรมเลยใน 6 เดือน
• โค้ชให้ HR สร้าง Action Plan จาก Insight นั้น ไม่ใช่จากความรู้สึก
ผลลัพธ์ : HR กลายเป็น Data-Driven ไม่ใช่แค่ผู้ประสานงาน

4. จุดอ่อน : เขียน JD หรือประกาศงานไม่ดึงดูด – ใช้ AI เขียน Job Description และ Job Postings ที่โดนใจ
Step :
• ให้ AI วิเคราะห์ว่าคู่แข่งเขาใช้ข้อความอะไรในการประกาศรับสมัครงาน
• ป้อนโจทย์ให้ AI เขียน JD ที่เน้นความเป็นมนุษย์ + ความท้าทาย ไม่ใช่แค่ลิสต์หน้าที่
• โค้ช HR ให้เข้าใจความต้องการคน Gen Z และตลาดแรงงาน
ผลลัพธ์ : ประกาศงานเปลี่ยนจาก “ข้อความธรรมดา” เป็น “เครื่องมือดึงดูดคนเก่ง”
5. จุดอ่อน : สัมภาษณ์พนักงานอย่างไม่มีระบบ – ใช้ AI สร้างชุดคำถามเชิงพฤติกรรม (Behavioral Questions)
Step :
• ใช้ AI เช่น ChatGPT สร้างคำถามสัมภาษณ์ตามหลัก STAR
• ปรับคำถามให้ตรงกับ Core Competency ของตำแหน่ง
• โค้ช HR ให้แยกแยะระหว่าง “การพูดเก่ง” กับ “หลักฐานพฤติกรรม” จริง
ผลลัพธ์ : HR สัมภาษณ์แม่นขึ้น เลือกคนได้ตรงกว่าที่เคย
6. จุดอ่อน : ประเมินผลงานด้วยความรู้สึก – ใช้ AI ออกแบบระบบประเมินที่ยุติธรรมและโปร่งใส
Step :
• ใช้ AI วิเคราะห์ว่าตัวชี้วัด (KPI) แบบใดเหมาะกับแต่ละตำแหน่ง
• ออกแบบแบบประเมินที่วัดได้จริง และมีทั้งเป้าหมายและพฤติกรรม
• โค้ช HR ให้รู้จัก Feedback อย่างมืออาชีพ และแยกแยะ Performance กับ Potential
ผลลัพธ์ : ระบบประเมินกลายเป็นเครื่องมือพัฒนาคน ไม่ใช่แค่คัดออก

7. จุดอ่อน : ไม่กล้าจัด Training เพราะไม่มั่นใจว่าได้ผล – ใช้ AI วางแผน Learning Path แบบเฉพาะบุคคล
Step :
• ป้อนข้อมูลความสามารถ + ตำแหน่งเป้าหมายของพนักงานแต่ละคน
• ใช้ AI แนะนำหลักสูตร + Microlearning + เครื่องมือวัดผลหลังเรียน
• โค้ช HR ให้เข้าใจ Learning Analytics และใช้ผลลัพธ์ไปต่อยอดการเติบโต
ผลลัพธ์ : Training ไม่ใช่การ “เชิญวิทยากร” อีกต่อไป แต่เป็นระบบพัฒนาคนอย่างแท้จริง
8. จุดอ่อน : สื่อสารกับคนไม่เป็นระบบ – ใช้ AI เขียนข้อความ HR ที่ชัดเจนและมีมนุษยธรรม
Step :
• ใช้ AI เขียน Email หรือ Memo ที่มีความเป็นทางการแต่ไม่ห่างเหิน
• สร้างคู่มือการสื่อสารภายในองค์กร เช่น การแจ้งเตือน การให้ Feedback การประกาศข่าว
• โค้ช HR ให้เข้าใจจังหวะการสื่อสาร การวางน้ำเสียง และการใช้คำเพื่อจูงใจ
ผลลัพธ์ : HR สื่อสารอย่างมืออาชีพ คนฟังแล้วอยากทำ ไม่ใช่แค่รู้
9. จุดอ่อน : จัดกิจกรรมองค์กรแต่ไม่สร้างวัฒนธรรม – ใช้ AI วิเคราะห์วัฒนธรรมองค์กรและออกแบบ Intervention
Step :
• ใช้ AI วิเคราะห์คำตอบแบบสอบถาม ว่าองค์กรมีวัฒนธรรมแบบใดจริง ๆ (ไม่ใช่แค่ตามที่ประกาศ)
• แนะนำกิจกรรม สื่อ หรือโปรแกรมที่ส่งเสริมพฤติกรรมที่องค์กรต้องการ
• โค้ช HR ให้เป็น “วัฒนธรรมเชิงรุก” ไม่ใช่แค่ผู้จัดงานสันทนาการ
ผลลัพธ์ : HR เปลี่ยนจากฝ่ายสนับสนุน เป็น “ผู้นำวัฒนธรรมองค์กร” อย่างแท้จริง
10. จุดอ่อน : รู้สึกโดดเดี่ยวและหมดไฟ – ใช้ AI + Coaching Process เพื่อฟื้นพลังใจ
Step :
ใช้ AI เป็น Journal Buddy ให้เขียนสะท้อนอารมณ์และความคิดในแต่ละวัน
ให้ AI แนะนำเทคนิคการพักใจ การจัดการความเครียด การตั้งเป้าหมายระยะสั้น
โค้ช HR ด้วยคำถามที่มีพลัง เช่น “คุณอยากเป็น HR แบบไหนในอีก 6 เดือน?”
ผลลัพธ์ : HR ไม่รู้สึกว่า “ทำคนเดียว” แต่มีระบบสนับสนุนทั้งจาก AI และ CEO ที่เป็นโค้ชให้จริง

HR ที่ดีไม่ใช่คนที่ตอบอีเมลไว แต่คือคนที่สร้างคนได้ทั้งองค์กร
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่ใช้ AI อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่แค่ทำงานไวขึ้น แต่จะกลายเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” ที่ทำให้บริษัทน่าอยู่ น่าทำงาน และน่าภูมิใจ
และเมื่อ AI ทำให้เวลาเหลือมากขึ้น กระบวนการโค้ชจะเข้าไปเติมสิ่งที่ไม่มีในระบบ นั่นคือ “สติ ความเข้าใจ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์” ซึ่งเป็นหัวใจของการบริหารคนอย่างแท้จริง
ให้ AI ทำงานแทนบางส่วน เพื่อที่ HR จะได้มีเวลาเป็น “มนุษย์ที่เข้าใจมนุษย์” อย่างลึกซึ้ง
บทความโดย
— ดร.ธนศักดิ์ วหาวิศาล

ปลดล็อกศักยภาพผู้นำยุค AI
เปลี่ยนหัวหน้าธรมดา ๆ ให้เป็นผู้นำที่องค์กรต้องการ เปลี่ยนวิสัยทัศน์ของคุณให้เป็นกลยุทธ์แห่งความสำเร็จ!
ทำไมผู้นำต้องเรียนรู้การใช้AI
✓ สร้างทีมที่แข็งแกร่งพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
✓ เพิ่มประสิทธิในการบริหารและตัดสินใจ
✓ พลิกเกมในตลาดได้ก่อน วางกลยุทธ์ล้ำหน้าคู่แข่ง
✓ ลดต้นทุน เพิ่มผลลัพธ์ กำจัดงานซ้ำซ้อนที่กินทรัพยากร
หนังสือ “AI For Leadership ทักษะของ CEO ยุคใหม่ผู้มีประสิทธิภาพระดับสูง” คือคัมภีร์สำหรับผู้นำยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยให้คุณนำ AI มาผสมผสานกับการบริหารอย่างมีกลยุทธ์ เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ วางแผน และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมงาน เนื้อหาในเล่มจะช่วยให้คุณเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานการประยุกต์ใช้ AI ในองค์กร ไปจนถึงกรณีศึกษาจริง เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในยุคดิจิทัล
• ติดตามข่าวสารช่องทางอื่น คลิก –> Facebook