
AI ไม่ได้มาแย่งงานนักวิชาการ แต่จะเป็นผู้ช่วยลับ ถ้าเราใช้เป็น
“เราไม่ได้กลัว AI จะมาแทนที่เรา…แต่เรากลัวว่าคนที่ใช้ AI เป็น จะมาแทนที่เราแทน”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อของ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot และ AI อีกนับร้อยชนิด กลายเป็นคำที่นักวิชาการได้ยินจนชินหู บางคนรู้สึกตื่นเต้น บางคนเฉย ๆ และบางคน… กลัว
กลัวว่า AI จะทำให้งานวิจัยเราไม่สำคัญอีกต่อไป กลัวว่านักศึกษาจะใช้ AI เขียนรายงานจนไม่ต้องเรียนจริง กลัวว่าอาชีพนักวิชาการอาจเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่กำลังโดนแทนที่แบบไม่รู้ตัว
แต่ถ้าเราลองถามกลับว่า… “AI มาแย่งงานเรา? หรือเราไม่เคยใช้มันเป็นเลยต่างหาก?”
โลกวิชาการกำลังเผชิญอะไรอยู่บ้าง?
การสอนแบบเดิมเริ่มไม่ดึงดูดใจนักศึกษาอีกต่อไป นักศึกษารุ่นใหม่เรียนรู้จาก YouTube, Podcast, TikTok ได้ลึกไม่แพ้ในห้องเรียน
เวลาจะเขียนบทความวิชาการ ต้องใช้เวลานานหลายเดือน ตั้งแต่หาเอกสาร ทบทวน ทบทวนอีก และเขียนไปจนถึงตีพิมพ์
ระบบประเมินตำแหน่งทางวิชาการยังคงยึดติดกับปริมาณ มากกว่าคุณภาพหรือผลกระทบ
คำถามคือ…เราจะอยู่รอดและก้าวหน้าในโลกวิชาการยุคใหม่ ด้วยวิธีเดิมได้จริงหรือ?

AI ไม่ได้มาแทน…แต่มาเติมเต็ม
AI ที่มีอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้ “คิดแทน” หรือ “สร้างองค์ความรู้ใหม่แทน” มนุษย์ทั้งหมด แต่สามารถช่วยนักวิชาการในมุมที่เราเสียเวลามาก เช่น
1. ค้นข้อมูลแบบเจาะจง ไม่ต้องเปิด 30 แท็บเองอีกต่อไป
ลองจินตนาการว่าคุณจะเขียนบทความวิจัยเรื่อง “อิทธิพลของ Generative AI ต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษา”
แทนที่จะไล่เปิด Google, Scopus, PubMed ทีละหน้า… AI อย่าง Elicit.org, ResearchRabbit หรือ Consensus.app สามารถรวบรวมบทความล่าสุด วิเคราะห์เนื้อหา และจัดลำดับความสำคัญให้คุณได้ภายในไม่กี่นาที
Prompt: “ช่วยสรุปงานวิจัยในปี 2022-2024 ที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของ Generative AI ต่อการเรียนรู้ของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยเรียงลำดับตามความน่าเชื่อถือของแหล่งอ้างอิง”
2. วิเคราะห์เชิงลึกโดยไม่ต้องนั่งทำมือทุกอย่าง
นักวิชาการสายสังคมศาสตร์จำนวนมากยังใช้เวลาเป็นสัปดาห์ในการวิเคราะห์แบบ thematic analysis หรือ coding จากคำตอบปลายเปิด
AI เช่น ChatGPT + Advanced Data Plugin, MonkeyLearn, หรือแม้แต่ Power BI ที่มี Copilot สามารถช่วยอ่านคำตอบนับพัน และจัดกลุ่มเป็นธีมได้ในระดับที่แม่นยำมากขึ้นเรื่อย ๆ
Prompt: “ช่วยวิเคราะห์คำตอบปลายเปิดจำนวน 300 ข้อความ โดยจำแนกธีมหลัก-ย่อย พร้อมตีความในบริบทของการวิจัยเรื่อง (…)”

3. ร่างเนื้อหาเบื้องต้น เพื่อลดเวลาเขียนฉบับจริง
AI ไม่ได้เขียนแทนเรา แต่ช่วยให้เราเริ่มต้นได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเวลาจะเขียนบทนำ สรุปวรรณกรรม หรือ Discussion เบื้องต้น AI สามารถร่าง framework ให้คุณเลือกใช้ และปรับแต่งให้สอดคล้องกับแนวคิดของคุณเอง
Prompt: “ร่างบทนำบทความวิจัยเกี่ยวกับ (…) ความยาวไม่เกิน 400 คำ พร้อมอ้างอิง APA และเชื่อมโยงกับทฤษฎี A และ B”
4. ตรวจความสมเหตุสมผลภายในบทความ
AI อย่าง Scite.ai หรือ Paperpal สามารถช่วยวิเคราะห์ความเชื่อมโยงของแนวคิดและทฤษฎีภายในบทความว่ามี gap ตรงไหน หรือใช้ทฤษฎีสอดคล้องกันหรือไม่ เหมือนกับการมีผู้ช่วยอ่านงานซ้ำก่อนส่งตีพิมพ์
5. เพิ่มความน่าเชื่อถือทางภาษาวิชาการ
Grammarly ก็อาจเพียงพอในบางกรณี แต่หากคุณใช้ Trinka.ai หรือ Writefull จะช่วยจัดรูปแบบให้เหมาะกับวารสารวิชาการ และแนะนำคำที่เป็น academic phrase ได้ดียิ่งขึ้น

แล้วถ้าเป็นอาจารย์ผู้สอนล่ะ? AI ช่วยอะไรได้บ้าง?
ออกแบบแผนการสอนแบบ Personalized Learning
สร้างแบบทดสอบที่มีความหลากหลาย ตรวจคำตอบให้อัตโนมัติ
สร้าง Simulation หรือสถานการณ์จำลองเพื่อใช้ในห้องเรียน
ยิ่งเราสอนเยอะ มีนักศึกษามาก…ยิ่งควรใช้ AI ช่วย”บางส่วน” เพื่อเอาเวลาไปทุ่มกับการโต้ตอบ-โค้ช-กระตุ้นนักศึกษาแบบที่ AI ทำไม่ได้
นักวิชาการ = ผู้ออกแบบ AI ไม่ใช่เหยื่อของมัน
หลายคนกลัวว่า AI จะทำให้เรา “ไม่มีคุณค่า” เพราะใครก็ใช้ได้
แต่ความจริงคือ AI ทำให้ “นักวิชาการที่เข้าใจ AI” มีคุณค่ามากขึ้นกว่าเดิม
เราสามารถทำงานร่วมกับนักวิจัยต่างสาขาได้คล่องขึ้น
เรามีเวลาไปตั้งคำถามวิจัยใหม่ ๆ ที่ AI ยังตอบไม่ได้
เราออกแบบ AI ที่เหมาะกับสาขาเราเองได้ (เช่น AI ด้านนิติศาสตร์, แพทยศาสตร์, ศึกษาศาสตร์)
เพราะ AI ไม่เข้าใจบริบท มนุษย์ยังต้องตีความ และ “คิดแบบข้ามเส้น” ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิชาการเท่านั้นที่ทำได้
ปรับยังไงให้ใช่ : จากกลัว → เข้าใจ → ใช้เป็น
1. เริ่มจากเรื่องง่าย เช่น ใช้ AI สรุปบทความ, ร่างหัวข้อสอน, สร้าง Quiz
2. เรียนรู้เรื่อง Ethics และความเสี่ยงของ AI ไปพร้อมกัน เช่น การ bias, hallucination
3. ใช้ ChatGPT เป็น Co-thinker ไม่ใช่แค่ Tool
4. วางกรอบการใช้งาน AI ในองค์กรวิชาการ เช่น ทำแนวทางการใช้กับนักศึกษาอย่างชัดเจน
5. ลงมือทดลอง แล้วแบ่งปันผลกับเพื่อนนักวิชาการคนอื่น

ถ้าคุณคืออาจารย์ที่เคยพูดว่า “นักศึกษาสมัยนี้เปลี่ยนไปเยอะ”
ผมอยากชวนถามกลับเบา ๆ ครับว่า… แล้วเราเองล่ะ
ปรับตัวไปพร้อมพวกเขาบ้างหรือยัง?
AI ไม่ได้มาแทนเรา แต่ถ้าเราไม่เรียนรู้มันเลย วันหนึ่ง…เราอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยคนที่รู้จักใช้มันเป็น แต่ถ้าเราเริ่มวันนี้ AI จะกลายเป็น “ผู้ช่วยลับ” ที่ทำให้นักวิชาการแบบคุณ ทำสิ่งยากให้สำเร็จเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และไกลขึ้นกว่าเดิม
แล้วคุณล่ะ เริ่มใช้ AI กับงานวิชาการของคุณแล้วหรือยัง?
ถ้ายัง เริ่มจากจุดไหนก่อนดี? ถ้าเริ่มแล้ว เคยได้ผลอะไรที่น่าทึ่งบ้าง?
7D Academy เชื่อว่า นักวิชาการที่ก้าวทันเทคโนโลยี…จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ผู้ตามโลก

หลักสูตรออนไลน์
ใช้ AI เป็นผู้ช่วยเขียนตำราวิชาการ
• เรียนรู้เทคนิคการใช้ Al เขียนตำราวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ
• ออกแบบสารบัญและหัวข้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ
• จัดการการอ้างอิงและหลีกเลี่ยงการลอกเลียนอย่างมืออาชีพ
• ลดระยะเวลาที่ใช้ในการเขียน เพิ่มคุณภาพเนื้อหาให้สูงขึ้น