
เตือนคนคิดจะลาออก เพราะอยากทำธุรกิจ! 7 กับดักทางใจ ที่ทำให้คุณเปิดร้านอะไร ก็ไปไม่รอด
เคยไหม…นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ แต่ในหัวเอาแต่คิดว่า “ถ้าได้ลาออกไปทำธุรกิจของตัวเอง ชีวิตน่าจะดีกว่านี้”
หลายคนฝันถึงการเป็นเจ้าของธุรกิจ มีอิสระทางเวลา ได้ทำในสิ่งที่รัก และไม่ต้องทนรับคำสั่งจากเจ้านายที่ไม่เคยเข้าใจ แต่เชื่อไหมว่าเส้นทางนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะทันทีที่คุณก้าวออกจากออฟฟิศ สิ่งแรกที่ต้องเผชิญไม่ใช่ยอดขายหลักแสน หรือเสียงเชียร์จากคนรอบตัว แต่คือความเคว้ง ความกลัว และคำถามในหัวว่า “เราจะไปรอดไหม?”
บทความนี้ไม่ได้มาเพื่อขู่คุณให้หยุดฝัน แต่จะมาเตือนให้รู้เท่าทัน 7 กับดักทางใจ ที่คนอยากลาออกไปทำธุรกิจส่วนใหญ่ต้องเจอ เพราะถ้ายังไม่จัดการกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าคุณจะเปิดร้านอะไร ทำแบรนด์แบบไหน ก็เสี่ยงพังตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
ถ้าคุณกำลังคิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจ อ่านบทความนี้ให้จบ เพราะมันอาจช่วยชีวิต และช่วยรักษาความฝันของคุณไว้ได้

1. ยังเสียดายตัวเองอยู่ทุกวัน
คนที่อยากลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจของตัวเอง มักเริ่มต้นจากความอึดอัด เจ็บปวด หรือรู้สึกว่าตัวเอง “ถูกใช้” มากกว่าที่ควรจะเป็น
“ทำไมเราทำมากกว่าคนอื่น แต่ได้เงินเท่ากัน?”
“ทำไมเจ้านายไม่เคยเห็นว่าเราเหนื่อยแค่ไหน?”
“ทำไมรู้สึกว่าเราไม่มีวันได้ขึ้นไปในจุดที่ฝัน?”
ความรู้สึกพวกนี้ไม่ได้ผิด… แต่มันอันตราย ถ้าเราใช้มันเป็นเชื้อไฟในการเริ่มธุรกิจ เพราะมันคือเชื้อไฟที่เผาเรา มากกว่าผลักดันเรา
หลายคนออกจากงาน เพราะอยาก “เอาคืนชีวิต” อยากพิสูจน์ให้คนดูถูกได้เห็น อยากให้เจ้านายเก่ารู้สึกเสียดาย
แต่เมื่อเริ่มทำจริง ความเหนื่อย ความเหงา ความไม่แน่นอน จะถาโถมเข้ามาเร็วกว่าที่คิด และถ้าหัวใจยังวนอยู่กับความรู้สึกน้อยใจแบบนั้น เราจะไม่มีแรงไปต่อ
คนที่เริ่มต้นได้ดี มักเริ่มเพราะเขา “เข้าใจตัวเอง” ไม่ใช่ “เกลียดสิ่งที่เขาอยู่”
พวกเขาไม่ถามว่า “ทำไมชีวิตไม่ยุติธรรมกับฉัน” แต่ถามว่า “ฉันจะใช้บทเรียนในวันนี้ เติบโตไปเป็นคนแบบไหนได้บ้าง?”
ธุรกิจของคุณ…ไม่ใช่เครื่องมือระบายอารมณ์ แต่มันคือของขวัญที่คุณจะมอบให้โลก หากคุณพร้อมจะเดินออกจากอดีตจริง ๆ
2. ยังปล่อยให้อารมณ์คนอื่น มาคุมอนาคตของตัวเอง
คุณบอกว่าอยากเป็นนายตัวเอง แต่ยังไม่กล้าทำอะไรเลย ถ้าเพื่อนยังไม่เห็นด้วย
แม่ยังไม่อนุญาต แฟนยังไม่มั่นใจ เพจใน Facebook ยังมีคอมเมนต์ว่า “ฝันไปเหอะ” ก็จุกไปทั้งคืน
คุณกำลังยก “กุญแจอนาคตของคุณ” ให้คนอื่นถือ
คนจิตใจเข้มแข็งรู้ว่า…เสียงคนอื่นไม่มีวันเงียบ แต่เสียงข้างใน ต้องชัดพอที่จะนำทางเราได้ในวันที่ไม่มีใครปรบมือให้
มีธุรกิจจำนวนมากที่ล้ม เพราะเจ้าของ “ลังเล” ไม่ใช่เพราะสินค้าห่วย
ลังเลที่จะเริ่ม ลังเลที่จะตัดสินใจ ลังเลที่จะเดินหน้า และทุกครั้งที่เราปล่อยให้คำพูดของคนอื่นมาทำให้ใจเราสั่น คือทุกวินาทีที่เรายอมเสียโอกาสในแบบที่คนเข้มแข็งจะไม่ยอมแลก
ถ้าอยากลาออกมาเริ่มต้นใหม่ ต้องเริ่มจากการ “เอารีโมตชีวิตคืนมา” ไม่มีใครควบคุมอนาคตของคุณได้ นอกจากคุณเอง

3. กลัวการเปลี่ยนแปลงแบบไม่รู้ตัว
“รอให้พร้อมก่อน” “รอให้มั่นใจก่อน” “ขอศึกษาอีกนิด”
คือคำพูดคลาสสิกของคนที่อยากเริ่ม แต่ยังไม่กล้าลงมือ
ความจริงคือ…คุณจะไม่มีวัน “พร้อม” จริง ๆ หรอก ตลาดจะเปลี่ยน คู่แข่งจะเยอะ แพลตฟอร์มจะเปลี่ยน ความมั่นใจที่คุณรอ มันจะไม่มีวันมาถึง
คนที่เปลี่ยนชีวิตได้ ไม่ใช่คนที่พร้อมที่สุด แต่คือคนที่กล้าพอจะ “ปรับตัวตลอดเวลา”
เพราะโลกธุรกิจ คือสนามที่ไม่มีคำว่าแน่นอน สิ่งที่ใช่วันนี้ อาจกลายเป็นสิ่งที่ตกรุ่นในอีก 3 เดือน
ถ้าคุณยึดติดกับแผนเดิม ๆ กลัวการเปลี่ยนแปลง คุณไม่ได้วิ่งอยู่กับคู่แข่ง คุณกำลังแพ้ตัวเอง
ยิ่งคุณกลัวการเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งกลายเป็นนักธุรกิจที่วิ่งหนีโอกาสมากเท่านั้น
4. เสียพลังงานให้กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
ลองถามตัวเองว่า…วันนี้คุณเสียเวลากับอะไรบ้าง?
กับข่าวเศรษฐกิจที่แย่?
กับดราม่าในโซเชียล?
กับคนที่แคร์แต่ไม่เคยซื้อของคุณ?
นี่คือพลังงานที่ “ธุรกิจไม่เคยขอ” แต่คุณยอมให้มันดูดไปทุกวัน
คนที่มีจิตใจแข็งแกร่งจะไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่เขาเปลี่ยนไม่ได้ เขาโฟกัสที่สิ่งที่ ทำได้ตอนนี้
- ปรับสินค้าให้ดีขึ้น
- เข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น
- บริหารต้นทุนให้เบาลง
เรียนรู้จากตลาดจริง ๆ แทนที่จะนั่งบ่นอยู่กับหน้าจอ
คุณควบคุมโลกไม่ได้ แต่คุณควบคุม “การตอบสนองของคุณ” ได้ ถ้าทุกเช้าคุณตื่นมาเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตคุณจะหมดแรงโดยที่ธุรกิจยังไม่ได้ขยับ

5. อยากเอาใจทุกคน จนลืมจุดยืนของตัวเอง
ธุรกิจไม่ได้เกิดมาเพื่อทำให้ “ทุกคน” พอใจ แต่เพื่อ “ใครบางคน” ที่จะรักมันจริง ๆ
คนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วพยายามจะเอาใจทุกคน สุดท้ายจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครรักจริงจัง เพราะเขา “ไม่มีจุดยืน”
กลัวลูกค้าไม่ชอบ กลัวโดนรีวิวไม่ดี กลัวเพื่อนแซะ กลัวญาติเมาท์ กลัวแม้แต่ยอดไลก์จะน้อยกว่าที่คาดไว้
แต่รู้ไหมว่าแบรนด์ที่มีพลัง ไม่ได้เกิดจากการเป็น “ที่รักของทุกคน” แต่มาจากการเป็น “ที่สุดของใครบางคน”
คุณต้องกล้าพูดว่า “แบรนด์ของฉันเหมาะกับคนแบบนี้” และไม่จำเป็นต้องเหมาะกับทุกคน
การตลาดยุคนี้ ไม่ใช่ “เสียงดังที่สุด” แต่คือ “ชัดที่สุด”
6. กลัวความเสี่ยงจนคิดอะไรไม่ออก
ทุกธุรกิจมีความเสี่ยง และใช่…มีหลายคนที่ล้มละลายเพราะความเสี่ยงนั้น แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ทำอะไรเลย
การไม่กล้าลงมือ คือความเสี่ยงที่เลวร้ายที่สุด เพราะมันคือการแลกอนาคตกับความกลัว
หลายคนไม่เคยเริ่มขายของ เพราะกลัวไม่มีคนซื้อ
ไม่เคยเปิดคอร์สสอน เพราะกลัวโดนว่า
ไม่เคยลองทำแบรนด์ เพราะกลัวเจ๊ง
แต่ในขณะที่คุณลังเล คนอีกคนหนึ่งที่กลัวไม่ต่างกัน เริ่มลงมือแล้ว และกำลังเรียนรู้ทุกวัน
ธุรกิจไม่ใช่สนามที่มีแค่ “คนกล้า” แต่มันคือสนามของ “คนกลัว…แต่ไม่หยุดเดิน”

7. กลัวความเงียบของการเดินคนเดียว
วันแรกที่คุณลาออกมา ไม่มีใครรู้สึกตื่นเต้นเท่าคุณ
แต่พอผ่านไปสักพัก คนรอบตัวเริ่มหาย เพื่อนไม่ถาม ครอบครัวเริ่มกังวล คนในเฟซบุ๊กเลิก Like และนั่นคือช่วงเวลาที่ความสันโดษจะกระซิบถามว่า…
“แน่ใจนะว่าจะเดินต่อ?”
เจ้าของธุรกิจที่แท้จริง ต้องผ่านความเงียบนี้ไปให้ได้ ต้องเป็นคนที่กล้าตื่นมาโดยไม่มีเสียงปรบมือ กล้านั่งทำงานต่อแม้ไม่มีใครสนใจ กล้าลุยแม้ไม่มีคนแชร์โพสต์เลยสักคน
เพราะพวกเขารู้ว่า เสียงปรบมือ…จะมา “หลังจากที่เขาอดทนจนถึงเส้นชัย”
ธุรกิจเริ่มที่ใจ ไม่ใช่แค่ไอเดีย
7 ข้อนี้ไม่ใช่แค่พฤติกรรมทั่วไป แต่มันคือ “กับดักทางใจ” ที่คนอยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่มองข้าม และเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้คนจำนวนมากเอาตัวไม่รอด
ถ้าคุณไม่จัดการสิ่งเหล่านี้ คุณอาจได้ลาออกจริง แต่ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตจริง
เพราะคุณแค่เปลี่ยนจากโต๊ะทำงานในออฟฟิศ มานั่งเครียดอยู่คนเดียวที่บ้าน
คนที่รอดและรุ่งในโลกของผู้ประกอบการ ไม่ใช่คนที่เก่งกว่า แต่คือคนที่ “กล้ากว่า” และ “นิ่งพอจะมองตัวเอง” ก่อนจะมองยอดขาย
…
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม คลิก –> 7D BIZ

ปั้นธุรกิจเข้า IPO โดยใช้ Gen AI เป็นผู้ช่วย
นี่คือกระแสแห่ง AI ที่จะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจไปตลอดกาล ยุคเก่าคุณอาจต้องจ่ายค่าที่ปรึกษาและใช้เวลามหาศาล แต่ยุคนี้แค่รู้วิธีใช้ AI เป็นผู้ช่วย คุณจะสำเร็จได้ด้วยตัวคุณเอง
นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เร็วกว่าเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ (ถ้าคุณใช้ AI เป็น)
10 Module โดยผู้เชี่ยวชาญ
สัณฑ์ คุณะวัฒนากรณ์ (CFA, CAP)
- ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการปฏิบัติงาน กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ผู้บริหารที่เชี่ยวชาญ AI วิเคราะห์และกำหนดแผนธุรกิจ
ใครต้องเรียนหลักสูตรนี้
- CEO / MD ทายาทผู้สืบทอดธุรกิจ
- เจ้าของธุรกิจที่ต้องการให้ธุรกิจแข็งแกร่ง
- เจ้าของธุรกิจที่ต้องการใช้คนหลักสิบสร้างผลประกอบการ 10X
- ผู้ต้องการใช้ AI ขับเคลื่อนธุรกิจในทุกแผนกเชิงลึก ด้วยการใช้AI เป็นผู้ช่วยระดับมืออาชีพ