ตอนเด็ก ๆ ผมเคยเชื่ออย่างฝังหัวว่า
คนดี = คนที่สมควรได้รับความสำเร็จ

เราถูกสอนให้พูดจาสุภาพ มีน้ำใจ ขยันขันแข็ง และเสียสละให้คนอื่นก่อนเสมอ

ใครขี้เกียจ ใครพูดตรง ใครกล้าเรียกร้อง…มักถูกมองว่าไม่ดี ไม่ควรเอาอย่าง

แต่พอโตขึ้น…ชีวิตมันตบหน้าเราด้วยความจริงที่ตรงกันข้าม

ผมเห็นคนที่ไม่ได้พูดเพราะ ไม่ได้ขยันมาก แต่มีเงินใช้ตลอด เห็นคนที่ไม่เคยช่วยเหลือใคร แต่กลับได้รับโอกาสดี ๆ อย่างน่าเหลือเชื่อ ผมเห็นคนที่กล้าเรียกราคาแรง ๆ โดยไม่อาย ไม่เกรงใจใคร ได้งานก่อนคนที่เก่งกว่าแต่พูดไม่เป็น

และยิ่งนานวัน ผมยิ่งเริ่มสงสัยว่า “หรือโลกนี้ไม่ได้ให้รางวัลกับคนดี…แต่ให้รางวัลกับคนที่เข้าใจจิตวิทยา?”

และทำให้ผมได้พบกับแนวคิดที่พลิกความเข้าใจเรื่อง “ความสำเร็จ” แบบหน้ามือเป็นหลังมือ

มันคือแนวคิดที่เรียกว่า “จิตวิทยาสายดาร์ค” (Dark Psychology)

ไม่ใช่ศาสตร์ชั่วร้าย ไม่ใช่กลโกงคน แต่คือชุดความรู้ที่พูดถึง ธรรมชาติของมนุษย์ในด้านที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ด้านที่ไม่ได้แต่งตัวดี ไม่พูดเพราะ ไม่ประจบใคร แต่ “จริง” และ “มีอิทธิพล” ต่อพฤติกรรมมนุษย์มากกว่าที่เราคิด

หนึ่งในแนวคิดสำคัญที่เปลี่ยนผมไปตลอดชีวิต มาจาก Carl Jung นักจิตวิทยาชาวสวิส ผู้ก่อตั้งแนวคิด “Shadow” หรือ “เงามืดในจิตใจ”

เขาบอกว่า “Until you make the unconscious conscious, it will direct your life and you will call it fate.”

“จนกว่าคุณจะกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ มันจะควบคุมคุณไปตลอดชีวิต และคุณจะเรียกมันว่าโชคชะตา”

เพราะผมเริ่มมองเห็นว่า ความกลัวในการพูดตรง ความอายในการตั้งราคา ความรู้สึกผิดเวลาปฏิเสธคนอื่น ความไม่กล้าเรียกร้องอะไร…

ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ “นิสัยน่ารัก” แต่มันคือ “กลไกในจิตใต้สำนึก” ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เราไม่ถูกเกลียด ไม่ถูกตัดออกจากฝูงชน

แต่พอเราโตขึ้น อยู่ในโลกที่แข่งขันกันรุนแรง กลไกเดิมที่เคยช่วยเราไว้ กลับกลายเป็น “พันธนาการ” ที่ฉุดเราให้ห่างจากโอกาส…ห่างจากเงิน…ห่างจากอิสรภาพ

มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of British Columbia ที่ศึกษาเรื่อง “Moral Licensing” หรือ “ใบอนุญาตความดี” พบว่า…คนที่มองว่าตัวเองเป็นคนดีมาก มักจะตัดสินใจเรื่องเงินได้แย่กว่า เพราะพวกเขา “รู้สึกผิด” เมื่อจะทำอะไรที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวเอง

พวกเขามักกลัวว่าจะถูกมองว่าเห็นแก่ตัว ทั้งที่สิ่งนั้นคือ “การรักษาสิทธิ” ที่ควรทำ

คุณเคยไม่กล้าขึ้นราคาค่าจ้างไหม ทั้งที่รู้ว่าตัวเองทำงานเก่งขึ้น?
คุณเคยให้ของฟรี ให้คำปรึกษาฟรีแบบไม่มีจุดจบไหม?
คุณเคยรู้สึกแปลก ๆ เวลาได้เงินเยอะ ๆ เหมือนมันเกินสิ่งที่ตัวเองสมควรได้รับ?

ทั้งหมดนั้นคือ “จิตใต้สำนึกแบบดีเกินไป” ที่สอนให้เรายอมคนอื่น…แล้วค่อยไปเครียดกับบัญชีเงินเดือนตัวเองทีหลัง

คนบางคนที่เรามองว่า “เห็นแก่ตัว” หรือ “มั่นหน้า” อาจไม่ได้ชั่วร้ายอะไร เขาแค่รู้จักกลไกในใจตัวเอง และใช้มันเป็นเครื่องมือ

พวกเขาไม่รู้สึกผิดที่จะปกป้องขอบเขตของตัวเอง
พวกเขากล้าเรียกราคา เพราะรู้ว่าของที่ตัวเองให้ มีค่า
พวกเขากล้า “ยืน” ในห้องที่มีคนไม่ชอบหน้า

เพราะพวกเขาไม่ได้รอให้ทุกคนรัก แต่รอแค่คนที่ “ให้ได้ในสิ่งที่คู่ควร”

จิตวิทยาสายดาร์ค

แต่คือการชวนคุณกลับมา ฟังเสียงของด้านมืดในใจที่เคยถูกกดทับ เพราะในด้านมืดนั้นมี “พลังชีวิต” จำนวนมากที่คุณไม่เคยใช้เลย

จิตวิทยาสายดาร์ค ไม่ใช่การหลอกคนอื่น

แต่มันคือการ “เลิกหลอกตัวเอง” ว่าเราต้องดีเสมอ ต้องยอมเสมอ ต้องใจเย็นเสมอ

เพราะบางครั้ง… การใจดีโดยไม่ตั้งขอบเขต คือการเปิดประตูให้ความพังเข้ามาทีละน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัว

ไม่ใช่เพื่อทำให้คุณร้ายขึ้น แต่เพื่อให้คุณ “หยุดเสียเปรียบ” ในเกมชีวิต เพราะเมื่อคุณเข้าใจเงามืดของตัวเอง คุณจะไม่กลัวแสงสว่างของความสำเร็จอีกต่อไป

ใช่ครับ… ผมใช้แนวคิดนี้เป็นรากฐานในการเขียนหนังสือเล่มนี้ทั้งเล่ม

ดึงดูดเงิน

จิตวิทยาสร้างความมั่งคั่ง (เรื่องลับ ๆ ที่มหาเศรษฐีไม่อยากบอกคุณ)

คนที่รวยขึ้นทุกปี มีความลับบางอย่างที่คุณอาจยังไม่รู้ พวกเขาเข้าใจว่า เงินไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่มันคือพลังที่สามารถถูกควบคุมและขับเคลื่อนได้

เศรษฐีไม่ได้หาเงินแบบคนทั่วไป พวกเขาใช้ “จิตวิทยาแห่งความมั่งคั่ง” เพื่อดึงดูดเงิน สร้างโอกาส และทำให้เงินทำงานแทนตัวเอง แทนที่จะต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินตลอดชีวิต

หนังสือเล่มนี้จะสอนให้คุณ…
• ใช้พลังด้านมืด เป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จ
• เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องเงิน จากลูกจ้าง เป็นคนกำหนดเกม
• จิตวิทยาโน้มน้าวใจคน และดึงดูดเงินเข้าสู่ชีวิต
• เข้าใจว่าคนที่ประสบความสำเร็จคิดและใช้กลยุทธ์อะไร
• สร้างอำนาจที่มองไม่เห็น ให้คุณเป็นแม่เหล็กดึงดูดโอกาส

Scroll to Top