
ทนายความที่ไม่มีคดีให้ทำ เพราะลูกค้าไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน
วิธีหาลูกค้าสำหรับทนายมือใหม่ (ที่ไม่อยากรอแค่คนแนะนำกันมา)
ย้อนกลับไปตอนแอดจบใหม่ ๆ เปิดเพจไว้ แต่ไม่มีคนไลก์ สมัครเป็นทนายอาสา แต่ไม่มีใครมาปรึกษา ทำเว็บไซต์แล้ว แต่ไม่มีคนค้นเจอ ชีวิตเหมือนคนยืนถือป้าย “ฉันช่วยคุณได้” อยู่กลางถนนในวันที่ไม่มีรถผ่าน
ทนาย = ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง… มันไม่พอ เพราะกฎหมายไม่ใช่ของหายากอีกต่อไป Google มีเยอะกว่าเรา AI เขียนดีกว่าเรา แต่คนที่จะ “อยู่ข้างลูกค้าแบบเข้าใจจริง” ยังมีไม่เยอะนัก
ปัญหาคือ…เขาจะรู้ได้ยังไงว่า “คุณคือคนคนนั้น”

1. เปลี่ยนจากอยากมีลูกค้า เป็น “อยากช่วยใครเป็นพิเศษ”
สิ่งแรกที่ทนายมือใหม่มักหลงทาง คือการทำตัวให้ “กว้างที่สุด” หวังว่าจะจับทุกคดี รับทุกประเภทงาน เพื่อให้มีรายได้เข้ามา แต่ความจริงคือ ลูกค้าส่วนใหญ่ “เลือกจากความชัด” มากกว่า “ความเก่ง”
คำถามที่คุณต้องตอบให้ได้ ไม่ใช่แค่ว่า “ฉันรับว่าความคดีอะไรได้บ้าง?” แต่คือ “ฉันอยากช่วยใครมากที่สุด?”
เมื่อคุณเริ่มชัดว่า ใครคือคนที่คุณอยากช่วย คอนเทนต์ คำพูด ภาพลักษณ์ และวิธีการสื่อสารของคุณจะเปลี่ยนไปทันที
ยิ่งคุณเฉพาะเจาะจงมากเท่าไร คนที่เป็นเป้าหมายจะยิ่งรู้สึกว่า “คุณเข้าใจเขาจริง ๆ”

2. ทำตัวให้ “ค้นเจอ” ก่อนจะคิดทำให้น่าเชื่อถือ
ทนายเก่งที่ไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์ เปรียบเหมือนร้านอาหารอร่อยที่ซ่อนอยู่ในตรอกไม่มีป้าย ไม่มีใครเดินผ่าน ไม่มีใครรู้จัก
โลกยุคนี้ไม่ได้เลือกคนที่ดีที่สุด แต่เลือกคนที่ “มองเห็นได้ง่ายที่สุด” ก่อน แล้วค่อยพิสูจน์ว่าดีพอไหม
การมีตัวตนเริ่มจากสิ่งง่ายที่สุด เช่น การทำเพจเฟซบุ๊ก การสร้างโปรไฟล์ทนายในกลุ่มวิชาชีพ หรือการเข้าร่วมวงพูดคุยในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป้าหมาย
คุณไม่ต้องเป็น Creator เต็มรูปแบบ ไม่ต้องเต้น ไม่ต้องทำคลิปยาว แค่เริ่มต้นจากสิ่งที่คุณถนัด เช่น เขียนโพสต์สั้น ๆ อธิบายประเด็นกฎหมายที่เข้าใจยากให้ง่ายขึ้น แชร์มุมมองต่อคดีที่เป็นกระแส หรือเล่าประสบการณ์จริงแบบไม่เปิดเผยข้อมูลลูกความ
ลูกค้าหลายคนไม่ได้อยากได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุด แต่อยากได้คำตอบที่ “เขาเข้าใจได้” และ “รู้สึกว่าคนตอบไม่ตัดสินเขา”

3. อย่าเพิ่งรีบขาย จงเริ่มจากการช่วย
ไม่มีใครอยากถูกขายของในครั้งแรกที่เจอกัน ลูกค้าก็เช่นกัน เขาไม่ได้เข้ามาเพื่อฟังคุณพูดว่า “รับว่าความทั่วราชอาณาจักร” แต่เขาอยากรู้ว่า “คุณจะเข้าใจเขาไหม?”
เริ่มจากการเล่าให้เขาเห็นว่าคุณเคยเจอปัญหาแบบเขามาก่อนไหม คุณมีมุมมองยังไงกับสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ และถ้าเขายังไม่มีเงินจ้างวันนี้ คุณยังพอให้คำแนะนำเบื้องต้นที่ช่วยให้เขาไม่แย่ลงได้ไหม
การให้ก่อน ไม่ได้ทำให้คุณดูถูกตัวเอง แต่มันคือการพิสูจน์ว่าคุณเห็น “เขาเป็นคน” ไม่ใช่แค่ “เงินค่าจ้าง”
4. ยอมฟรีบางครั้ง เพื่อแลกโอกาสที่ใหญ่กว่า
หลายคนกลัวการให้คำปรึกษาฟรี เพราะรู้สึกว่าทำให้ค่าตัวลดลง แต่ในโลกที่ผู้คนไม่รู้จะเชื่อใคร คำปรึกษาฟรีคือประตูบานแรกที่จะทำให้เขากล้าเปิดใจ
การให้คำปรึกษาเบื้องต้นแบบมีกรอบ เช่น 15 นาที หรือหนึ่งคำถามหนึ่งประเด็น จะช่วยให้คุณควบคุมเวลาของตัวเองได้ และยังเป็นโอกาสให้คุณแสดงทัศนคติ วิธีคิด และความเป็นมืออาชีพของคุณ
ลูกค้าหลายคนตัดสินใจจ้างเพราะ “รู้สึกไว้ใจ” ไม่ใช่เพราะราคา

5. วางระบบให้พร้อมก่อนคนจ้างเยอะ
บางคนเริ่มมีลูกค้าเยอะ แต่ไม่มีระบบรองรับ สุดท้ายคืองานล้น นัดลืม คดีสับสน ความน่าเชื่อถือพัง ก่อนที่คุณจะโต ควรมีระบบพื้นฐานอย่างน้อยดังนี้
- ปฏิทินนัดหมายชัดเจน
- แยกช่องทางการติดต่อส่วนตัวกับลูกค้า
- สรุปข้อมูลแต่ละคดีในที่เดียว (ไม่ต้องจำหมด)
- เตือนตัวเองทุกครั้งหลังคุย ว่าต้อง follow up อะไรบ้าง
- สร้างแบบฟอร์มรับงานที่ให้ลูกค้ากรอกเองได้บางส่วน
เพราะความน่าเชื่อถือไม่ใช่แค่ตอนคุย แต่มันคือความสม่ำเสมอในทุกจุดสัมผัส
6. เชื่อมต่อกับเพื่อนทนายรุ่นเดียวกัน ไม่ใช่แค่รออาจารย์ส่งงาน
งานจำนวนไม่น้อยในวงการมาจากการ “ส่งต่อ” ถ้าคุณเป็นทนายที่น่าไว้ใจ รู้เขตรับผิดชอบของตัวเอง และไม่ล้ำเส้นวิชาชีพ คนก็จะอยากส่งต่อเคสให้
เริ่มจากการเชื่อมต่อกับเพื่อนทนายที่คุณเรียนมาด้วยกัน คนที่ฝึกงานด้วยกัน หรือคนที่เจอกันในสัมมนา อย่าแค่แลกนามบัตร แต่ให้เป็นคนที่ “ช่วยได้จริง” เช่น ถ้าเพื่อนคนหนึ่งไม่ถนัดคดีครอบครัว แต่คุณถนัด ให้เขารู้ว่าคุณพร้อมช่วย และจะให้เครดิตกลับเสมอ
วงการทนายไม่ได้ใหญ่เกินไป แต่คนที่ไว้ใจกันจริง ๆ ยังไม่มาก การเป็นคนที่ไว้ใจได้ คุยง่าย ไม่ข่ม และไม่ขโมยลูกค้า คือทางลัดสู่โอกาสที่คนอื่นไม่รู้ว่ามี

7. คำพูดของลูกค้า คือโฆษณาที่ดีที่สุด
อย่ารีบขอรีวิว แต่จงทำให้ลูกค้าอยากพูดถึงคุณเอง
เวลาที่คุณจบงานได้ดี จัดการคดีได้เรียบร้อย อธิบายได้เคลียร์ และให้ความใส่ใจมากพอ ลูกค้าจะกลายเป็นกระบอกเสียงให้คุณโดยอัตโนมัติ
คุณอาจไม่เห็นผลทันที แต่วันหนึ่งจะมีคนทักมาว่า “มีคนแนะนำคุณมา เขาบอกว่าคุณดูแลดี” นั่นคือวันที่ความทุ่มเทของคุณเริ่มผลิดอกออกผล
สุดท้าย…
ลูกค้าไม่ได้จ้างคุณเพราะคุณเก่งที่สุดในประเทศ แต่เพราะคุณ “ทำให้เขารู้สึกมั่นใจ” และ “ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว” ในวันที่เขาอ่อนแอ
ทนายที่น่าเชื่อถือในยุคนี้ คือทนายที่กล้าทำตัวให้ “คนทั่วไปเข้าใจ” ไม่ซ่อนอยู่หลังศัพท์วิชาการ แต่เดินออกมาบอกว่า… “คุณยังมีผมอยู่ตรงนี้ครับ” และคุณจะไม่สู้คดีนี้คนเดียว
― SmartLawyer By 7D
ไม่ใช่แค่รู้กฎหมาย แต่ใช้ใจเข้าใจคน
กองบรรณาธิการ SmartLawyer by 7D

สอนใช้ AI แบบลึกสุดในวงการกฎหมาย
ถ้าคุณเป็นบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม และยังไม่ใช้ AI คุณกำลังเสียเปรียบทุกวัน โดยไม่รู้ตัว
ทุกวัน คู่แข่งของคุณกำลังทำสำนวนเร็วกว่า
ค้นข้อมูลไวกว่า แปลเอกสารได้ทันที
ปิดคดีได้ก่อน ทั้งที่ความรู้กฎหมายของคุณอาจไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย
สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ AI สิ่งที่น่ากลัว คือ คู่แข่งของคุณกำลังรู้วิธีใช้มัน (แต่คุณยังไม่รู้)

หลักสูตร 2 วันเต็ม
เนื้อหาเข้มข้นจากพื้นฐานสู่ระดับลึกสุด
เรียนจบ ใช้ได้จริงทุกวัน ไม่ต้องลองผิดลองถูก
Day 1 : AI ช่วยทนายและบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมทำงานได้เร็วขึ้นอย่างไร
Day 2 : AI ช่วยทนาย บุคลากรในกระบวนกายุติธรนม สื่อสาร-ปิดคดี ได้เหนือกว่า ลึกกว่าจนคู่แข่งตามไม่ทัน
เฉพาะรุ่นนี้! สมัครภายใน 24 ชั่วโมงนี้ รับโบนัสพิเศษ