จิตวิทยาดึงดูดเงิน จงเห็นมันก่อน…ก่อนที่มันจะเป็นจริง

เพราะโลกภายนอก มักจะตอบสนองต่อ “สิ่งที่คุณรู้สึกว่าคุณเป็น”

หนึ่งในแนวคิดที่เปลี่ยนชีวิตของใครหลายคนบนโลกนี้ ไม่ใช่คาถา ไม่ใช่เคล็ดลับ ไม่ใช่แรงบันดาลใจฉาบฉวย แต่คือหลักจิตวิทยาเชิงประสาทวิทยา ที่เรียบง่าย ทรงพลัง และสามารถพิสูจน์ได้จริงด้วยวิทยาศาสตร์

แนวคิดนี้มาจาก Dr. Joe Dispenza นักประสาทวิทยา นักเขียน และโค้ชผู้เปลี่ยนชีวิตผู้คนทั่วโลก เขากล่าวว่า…

“When you combine a clear intention with an elevated emotion, you begin to change your biology.”

หรือในอีกความหมายหนึ่ง “เมื่อคุณสร้างภาพในใจ และรู้สึกกับมันอย่างแท้จริง สมองจะจดจำมันเป็นความจริง และจะจัดระเบียบชีวิตของคุณให้สอดคล้องกับสิ่งนั้น”

นี่ไม่ใช่การนั่งเพ้อฝัน ไม่ใช่กฎแรงดึงดูดแบบไร้เหตุผล แต่มันคือการทำงานของสมอง ที่ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองต่อ ภาพในใจ และ อารมณ์ที่เกิดซ้ำ อย่างลึกซึ้ง

สมองไม่รู้ว่า “เรื่องจริง” กับ “เรื่องคิด” ต่างกัน

สมองมนุษย์ไม่ได้แยกแยะระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นจริง กับสิ่งที่เราจินตนาการไว้ชัดเจนพร้อมอารมณ์สนับสนุน หากคุณเคยฝันร้ายแล้วตื่นขึ้นมาหัวใจเต้นแรง เหงื่อแตก หรือร้องไห้จากเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง คุณกำลังพิสูจน์สิ่งนี้อยู่

สมองของเราสร้างภาพ จดจำ และปล่อยสารเคมีในร่างกายตามสิ่งที่มัน “เชื่อว่าเป็นจริง” เท่านั้น

Dr. Joe Dispenza เรียกสิ่งนี้ว่า Neuroplasticity หรือความสามารถของสมองในการเปลี่ยนแปลงตัวเองตามความคิดและประสบการณ์ใหม่ ๆ

เมื่อคุณคิดภาพเดิม ๆ ซ้ำ ๆ พร้อมกับรู้สึกอินกับมัน สมองจะสร้างเส้นทางประสาทใหม่ (neural pathway) เพื่อให้คุณคิด พูด ตัดสินใจ และดำเนินชีวิต “สอดคล้องกับภาพนั้น”

และเมื่อทำซ้ำมากพอ “โลกภายนอกจะเริ่มตอบสนองกลับมา” เพราะคุณเปลี่ยนไปจริง ๆ

ดึงดูดไม่ได้เพราะอยากได้ แต่เพราะคุณ “เป็น”

Dr. Joe กล่าวว่า โลกไม่ได้ตอบสนองต่อสิ่งที่คุณอยากได้ แต่ตอบสนองต่อ “สิ่งที่คุณรู้สึกว่าคุณเป็นอยู่แล้ว”

คุณไม่ได้ดึงดูดสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณดึงดูดสิ่งที่คุณ “สอดคล้อง” ด้วย

ถ้าคุณอยากมั่งคั่ง แต่ลึก ๆ คุณรู้สึกผิดกับเงิน คิดว่าเงินเป็นของคนไม่ดี หรือไม่เชื่อว่าคุณคู่ควร คุณกำลังส่งคลื่นพลังงานที่ไม่เข้ากับเงินออกไป และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมความพยายามของคุณ…ยังไม่ได้ผลลัพธ์เท่าที่ควร

ตัวตนภายในของคุณส่งพลังงานออกไปตลอดเวลา และโลกภายนอกเป็นเพียงกระจกสะท้อนสิ่งนั้นกลับมา

งานวิจัยและวิทยาศาสตร์รองรับแนวคิดนี้

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard และ MIT ระบุว่า การจินตนาการพร้อมอารมณ์ มีผลต่อสมองและระบบประสาทเช่นเดียวกับการลงมือทำจริง

ในการศึกษาหนึ่ง กลุ่มทดลองที่เพียง “จินตนาการ” ว่าตนเองกำลังเล่นเปียโน โดยไม่ได้แตะเปียโนเลย เป็นเวลา 2 สัปดาห์ มีการเปลี่ยนแปลงในสมองเหมือนกับกลุ่มที่ฝึกจริง

นั่นหมายความว่า…สมองเชื่อในสิ่งที่คุณ “คิดบ่อย” มากกว่าสิ่งที่ “เป็นจริง” ในปัจจุบัน

Dr. Joe จึงให้ความสำคัญกับการฝึกภาพในใจร่วมกับอารมณ์สูง (Elevated Emotion) เช่น ความซาบซึ้ง ความรัก ความเบิกบาน ไม่ใช่แค่การนึกเฉย ๆ แต่ “รู้สึกว่ามีอยู่จริง”

หญิงสาวผู้รักษาตัวเองจากโรคเรื้อรัง

ในหนังสือ Becoming Supernatural Dr. Joe เล่าเรื่องหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นโรคร้าย และหมดหวังจากการรักษาทางการแพทย์

เธอเริ่มฝึกสมาธิวันละ 2 ครั้ง จินตนาการว่าเธอมีสุขภาพแข็งแรง ยิ้ม หัวเราะ กอดลูก ทำอาหาร วิ่งเล่นในสวน และรู้สึกถึงความขอบคุณเหมือนสิ่งนั้นเป็นจริงแล้ว

เดือนแรกไม่มีอะไรเปลี่ยน เดือนที่สองเธอเริ่มหลั่งน้ำตาขณะฝึก เพราะ “ใจเชื่อ” ว่ามันเกิดขึ้นจริงแล้ว

เดือนที่สาม ร่างกายเริ่มฟื้นตัว ค่าเลือดเปลี่ยนไป หมอเริ่มแปลกใจ แต่เธอไม่แปลกใจเลย เพราะเธอเป็นคนนั้นไปแล้ว

แล้วเกี่ยวอะไรกับชีวิตของเรา?

คุณอยากได้อะไร…

ความสัมพันธ์ที่ดี?
ความมั่นคงทางการเงิน?
โอกาสใหม่ในงาน?
สุขภาพที่แข็งแรง?

คำถามคือ…ในใจคุณ “รู้สึกว่าเป็นคนที่ได้สิ่งนั้น” แล้วหรือยัง?

เพราะถ้ายังรู้สึกว่า… ฉันยังไม่พอ ฉันยังไม่คู่ควร ฉันยังต้องดิ้นรนอีกนาน

นั่นคือคลื่นที่คุณส่งออกไป และนั่นคือสิ่งที่โลกจะสะท้อนกลับมาให้คุณอย่างแน่นอน

เริ่มต้นอย่างไร?

1. ตั้งภาพในใจให้ชัด
ไม่ใช่แค่ความอยากแบบเลือนราง แต่คือภาพที่คุณเห็นได้ชัดว่า “คุณเป็นใคร” เมื่อต้องการสิ่งนั้น เช่น ถ้าคุณอยากเป็นคนที่มั่นใจและประสบความสำเร็จ ให้เห็นภาพตัวเองบนเวที พูดอย่างมั่นใจ เต็มไปด้วยพลัง

2. รู้สึกกับมันให้ถึงที่สุด
อย่าคิดเฉย ๆ ต้อง “รู้สึกว่าคุณได้มันแล้วจริง ๆ” ลองซ้อมหัวใจให้ยินดี เหมือนได้รับสิ่งนั้นแล้ว เช่น รู้สึกขอบคุณ รู้สึกเบิกบาน รู้สึกปลอดภัย

3. ทำซ้ำ จนกลายเป็นธรรมชาติ
ไม่ต้องฝืนให้เชื่อทันที แค่ทำบ่อย ๆ เช้า-ก่อนนอน วันละ 5 นาที เพื่อให้สมองจดจำภาพนั้น และแปลงเป็นพฤติกรรมของคุณ

4. ลงมือทำจากตัวตนใหม่
อย่ารอให้มั่นใจก่อนแล้วค่อยทำ แต่ให้ลงมือทำในแบบคนที่ “เป็นคนมั่นใจ” อยู่แล้ว เช่น เดินเข้าไปแนะนำตัวกับใครบางคนแม้จะยังประหม่า แต่ด้วยพลังงานของคนที่กล้าก้าว

จิตวิทยาดึงดูดเงิน = จิตวิทยาที่เชื่อว่าคุณคู่ควร

ในหนังสือ จิตวิทยาดึงดูดเงิน ที่ผมเขียน ผมไม่ได้เขียนเพื่อให้คุณหาเงินได้เร็วขึ้น แต่เพื่อช่วยให้คุณ “เลิกผลักเงินออกไป” โดยไม่รู้ตัว

เพราะความจนที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขในบัญชี แต่อยู่ที่ “คลื่นในใจ” ที่ส่งออกไปว่า ฉันไม่กล้า ฉันไม่พอ ฉันไม่ควรได้มากกว่านี้

เมื่อคุณเปลี่ยนความรู้สึกข้างใน เงินจะเริ่มหาทางมาหาคุณเอง

อยากดึงดูดสิ่งใหม่ อย่าเริ่มจากสิ่งที่ขาด แต่ให้เริ่มจากการ “เป็นคนที่พร้อมจะรับมัน” ตั้งแต่ตอนนี้

คุณคือคลื่นแม่เหล็กที่มีพลัง

คุณมีอำนาจในการออกแบบอนาคต ผ่านคลื่นความรู้สึกของคุณเอง คุณไม่ต้องรอให้ทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์ แล้วค่อยรู้สึกดี แต่คุณสามารถ “รู้สึกดีได้เลยตอนนี้” เพื่อสร้างอนาคตที่คุณต้องการ

เพราะสมองของคุณจะจดจำความรู้สึกนั้น และโลกภายนอกจะเริ่มสะท้อนกลับมา

ฝึกซ้อมมันทุกวัน ตั้งใจทุกครั้งที่หลับตา เปลี่ยนจากคนที่รอสิ่งดี ๆ ไปเป็นคนที่ “กลายเป็นสิ่งดี ๆ” นั้นไปแล้ว

แล้วคุณจะเห็นว่า… ทุกอย่างเริ่มตอบสนองกลับมา เหมือนคุณมีสนามแม่เหล็กส่วนตัวจริง ๆ

— โดย ดร. ธนศักดิ์ วหาวิศาล
ผู้เขียนหนังสือ จิตวิทยาดึงดูดเงิน สำนักพิมพ์ 7D Book

ศาสตร์ลับ พลังดึงดูดอำนาจเงิน

จิตวิทยาสร้างความมั่งคั่ง (เรื่องลับ ๆ ที่มหาเศรษฐีไม่อยากบอกคุณ)

ต้องทำงานอีกกี่ปี ถึงจะหลุดพ้นจากชีวิตเดือนชนเดือน?

คนที่รวยขึ้นทุกปี มีความลับบางอย่างที่คุณอาจยังไม่รู้ พวกเขาเข้าใจว่า เงินไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่มันคือพลังที่สามารถถูกควบคุมและขับเคลื่อนได้

เศรษฐีไม่ได้หาเงินแบบคนทั่วไป พวกเขาใช้ “จิตวิทยาแห่งความมั่งคั่ง” เพื่อดึงดูดเงิน สร้างโอกาส และทำให้เงินทำงานแทนตัวเอง แทนที่จะต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินตลอดชีวิต

Shadow Mind จิตวิทยาดึงดูดเงิน

หนังสือเล่มนี้จะสอนให้คุณ…
• ใช้พลังด้านมืด เป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จ
• เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องเงิน จากลูกจ้าง เป็นคนกำหนดเกม
• จิตวิทยาโน้มน้าวใจคน และดึงดูดเงินเข้าสู่ชีวิต
• เข้าใจว่าคนที่ประสบความสำเร็จคิดและใช้กลยุทธ์อะไร
• สร้างอำนาจที่มองไม่เห็น ให้คุณเป็นแม่เหล็กดึงดูดโอกาส

• ติดตามข่าวสารช่องทางอื่น คลิก –> Facebook