สร้างตำราฉบับมืออาชีพด้วย AI ทางเลือกใหม่ของครูในยุคดิจิทัล

สร้างตำราฉบับมืออาชีพด้วย AI ทางเลือกใหม่ของครูในยุคดิจิทัล

สร้างตำราฉบับมืออาชีพด้วย AI ทางเลือกใหม่ของครูในยุคดิจิทัล

ในการสร้างตำราของอาจารย์ปุด ได้เน้นถึงความสำคัญของการใช้ AI ในการเขียนตำราและหนังสือ เพื่อยกระดับผลงาน รวมทั้งประหยัดเวลาในการเขียนได้มากขึ้น ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ได้กล่าวถึง AI ในการช่วยสร้างเนื้อหา การจัดการข้อมูล และการตรวจสอบความถูกต้อง ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพและทันสมัย

โปรแกรม AI สำหรับการเขียนตำรา

อาจารย์ปุดได้แนะนำโปรแกรม AI ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเขียนหนังสือหลายโปรแกรม ซึ่งประกอบไปด้วย ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot และ Perplexity โดยแต่ละเครื่องมือมีความสามารถในการสร้างเนื้อหาในรูปแบบที่ต่างกัน ขึ้นกับความเหมาะสมในการใช้งาน

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมอื่นๆ เช่น SciSpace, Elicit, Consensus, Litmaps, Researchrabbit และ Semantic Scholar ที่ช่วยในการค้นคว้าข้อมูลทางวิชาการ และจัดการกับการอ้างอิงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวางแผนและการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ

การวางแผนที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างตำราที่มีคุณภาพ อาจารย์ปุดได้แนะนำให้วางแผนการเขียนตำราที่มีขนาดประมาณ 100 หน้า โดยแบ่งเป็น 10 บท แต่ละบทประกอบด้วย 5 หัวข้อย่อย และใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาภายใต้หัวข้อย่อยนั้นๆ

การให้ข้อมูลพื้นฐานและใช้ AI ในการ Generate ข้อมูลเพิ่มเติมจะช่วยให้เนื้อหามีความครอบคลุมและสมบูรณ์ นอกจากนี้การใช้ Prompt ที่ชัดเจนและละเอียดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การสร้างเนื้อหาด้วย AI มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การจัดการและการตรวจสอบเนื้อหา

อีกหนึ่งหัวข้อที่ได้รับความสนใจในงานสัมมนาคือการตรวจสอบความถูกต้องและการป้องกันการคัดลอกเนื้อหา อาจารย์ปุดได้แนะนำเครื่องมือหลายตัวเช่น Zotero ที่ช่วยในการอ้างอิง และ HIX ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจสอบ Plagiarism ที่มีประสิทธิภาพ

โดยการตรวจสอบนี้เป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันการใช้เนื้อหาที่มีอยู่แล้วโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังมีการแนะนำเครื่องมือที่สามารถตรวจจับว่าเนื้อหานั้นถูกสร้างขึ้นโดย AI หรือไม่ เช่น Zerogpt เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผลงานที่สร้างขึ้น

หลักการสร้าง Content ที่มีคุณภาพ

การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพไม่ได้เป็นเพียงแค่การเขียนที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องประกอบด้วยการวางแผนที่รอบคอบ การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และการตรวจสอบเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง อาจารย์ปุดได้แนะนำว่าควรสอดแทรกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถิติ นโยบาย ทฤษฎี ตัวอย่าง งานวิจัย กรณีศึกษา และเรื่องเล่าต่างๆ เพื่อให้เนื้อหามีความหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น

เขียน Prompt ยังไง ให้ AI สร้างตำราที่สมบูรณ์

การใช้ AI เพื่อช่วยในการเขียนเนื้อหานั้น กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในยุคดิจิทัล แต่การใช้ AI ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถปล่อยให้ AI ทำงานทั้งหมดโดยปราศจากการควบคุมหรือคำสั่งจากผู้ใช้งาน การใช้ “Prompt” หรือคำสั่งที่ดีเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ AI สามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงตามความต้องการและมีคุณภาพสูงได้

ต้องการสร้างตำราฉบับมืออาชีพด้วย AI ทางเลือกใหม่ของครูในยุคดิจิทัล เริ่มแรกจะต้องมีการสร้าง Prompt ที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้นควรมีการวางแผนอย่างรอบคอบ มีหลักการที่ชัดเจนเพื่อให้ AI เข้าใจและสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงตามที่ต้องการได้ โดยการสร้าง Prompt ควรประกอบด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้

1. งาน (Task)

ในการใช้ AI เพื่อสร้างเนื้อหา คุณควรกำหนดงานหรือ Task ที่ต้องการให้ AI ทำให้ชัดเจน อาจจะไม่จำเป็นต้องระบุทุกรายละเอียดในขั้นตอนแรก แต่อย่างน้อยควรมีการระบุหัวข้อหลักและเนื้อหาที่ต้องการ เช่น “ให้เขียนบรรยายประวัติย่อของผู้เขียนจำนวน 350 คำ ตามเนื้อหาด้านล่าง” การระบุเนื้อหาเช่นนี้ทำให้ AI สามารถประมวลผลและสร้างเนื้อหาที่ตรงตามคำสั่งได้ง่ายขึ้น

2. ความยาว (Length)

ในการกำหนดความยาวของเนื้อหา ควรระบุเป็นจำนวนคำที่ต้องการ เช่น 500 คำ หรือ 350 คำ มากกว่าการกำหนดเป็นจำนวนหน้า เนื่องจากการนับจำนวนคำเป็นวิธีที่มีความแม่นยำในการควบคุมความยาวของเนื้อหา ซึ่งทำให้ AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีความสม่ำเสมอและครบถ้วนตามที่ต้องการ

3. บริบท (Context)

บริบทหรือปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ควรระบุให้ชัดเจน เช่น หากคุณต้องการให้ AI เขียนบทความที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ควรระบุบริบทหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่ต้องการให้ AI ใช้ เช่น “บริบทของการศึกษาในยุคดิจิทัล” เพื่อให้ AI เข้าใจและนำไปใช้ในการสร้างเนื้อหาได้ตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น

4. กลุ่มเป้าหมาย (Audience)

การระบุกลุ่มเป้าหมายหรือผู้อ่านเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเนื้อหาที่เขียนขึ้นนั้นควรจะต้องตอบสนองต่อความต้องการหรือความสนใจของผู้อ่านกลุ่มนั้นๆ เช่น หากกลุ่มเป้าหมายเป็นครูอาจารย์ เนื้อหาที่สร้างขึ้นควรจะมีความเป็นวิชาการและให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการสอนหรือการทำงานของพวกเขา

5. บทบาท (Role)

การระบุบทบาทที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือบทบาทของผู้เขียนในเรื่องนั้นๆ จะช่วยให้ AI สามารถสร้างเนื้อหาได้อย่างสอดคล้องและตรงกับความต้องการของผู้ใช้ เช่น หากต้องการเนื้อหาที่มีลักษณะเป็นการวิเคราะห์ ควรระบุบทบาทของผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในเนื้อหานั้นๆ เช่น “บทบาทผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา” เพื่อให้ AI สามารถนำเสนอเนื้อหาในลักษณะที่เป็นมืออาชีพและมีความเชี่ยวชาญ

6. การสวมบทบาท (Act as)

การสวมบทบาทหรือการให้ AI เขียนเนื้อหาโดยอ้างอิงจากบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เนื้อหามีความน่าสนใจและมีเอกลักษณ์ เช่น “สวมบทบาทเป็น J.K. Rowling” หรือ “สวมบทบาทเป็นหนุ่ม กรรชัย” จะช่วยให้เนื้อหามีสไตล์และโทนที่เฉพาะตัวมากขึ้น

7. โทน (Tone)

การระบุโทนหรืออารมณ์ของเนื้อหาเป็นสิ่งที่ช่วยให้ AI สามารถสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับบรรยากาศที่ต้องการได้ เช่น หากต้องการเนื้อหาในเชิงวิชาการ ควรระบุโทนให้ชัดเจน เช่น “ใช้โทนวิชาการ” หรือ “โทนให้ข้อมูล” ซึ่งจะช่วยให้เนื้อหามีความเป็นทางการและตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

8. สไตล์การเขียน (Writing Style)

สไตล์การเขียนที่ต้องการควรถูกระบุอย่างชัดเจน เช่น หากต้องการเนื้อหาที่มีลักษณะเป็นบทความวิจัย ควรระบุให้ AI เขียนในสไตล์ที่เป็นทางการและมีความเชี่ยวชาญ หรือหากต้องการเนื้อหาที่เป็นแบบเล่าเรื่อง ควรระบุให้ AI ใช้สไตล์ที่เป็นกันเองและเข้าถึงผู้อ่านได้ง่ายขึ้น

9. ตัวอย่าง (Examples)

การใส่ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น ตัวอย่างภาพ วิดีโอ หรือเนื้อหาที่ต้องการ จะช่วยให้ AI เข้าใจและสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น การใส่ตัวอย่างเป็นสิ่งที่ช่วยในการอธิบายและทำให้ AI เห็นภาพรวมของงานที่ต้องการ

10. รูปแบบ (Format)

รูปแบบการนำเสนอเนื้อหาก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น หากต้องการให้ AI นำเสนอเนื้อหาในรูปแบบของตาราง ควรระบุให้ชัดเจน เช่น “ให้นำเสนอในรูปแบบตาราง” หรือหากต้องการรูปแบบการนำเสนอที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ ควรระบุให้ AI เข้าใจว่าต้องการรูปแบบใด

11. ระดับความคิดสร้างสรรค์ (Creativity Level)

ระดับความคิดสร้างสรรค์ของเนื้อหาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรระบุ เช่น หากต้องการเนื้อหาที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง ควรระบุให้ AI สร้างเนื้อหาที่มีลักษณะใหม่ๆ และไม่ซ้ำกับที่เคยมีมาก่อน หรือหากต้องการเนื้อหาที่มีความเป็นทางการและตรงประเด็น ควรระบุให้ AI ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในระดับที่เหมาะสม

สุดท้ายนี้ อาจารย์ปุดได้เน้นว่า
“สร้างตำราฉบับมืออาชีพด้วย AI ทางเลือกใหม่ของครูในยุคดิจิทัล เป็นเส้นทางลัดที่ช่วยให้เราสามารถสร้างผลงานที่มีคุณภาพได้ในเวลาที่รวดเร็ว แต่การเลือกใช้เครื่องมือและการวางแผนที่เหมาะสมยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถละเลยได้ เพื่อให้การสร้างตำราและหนังสือเป็นเรื่องที่สนุกสนานและประสบความสำเร็จ”

สนใจสมัครหลักสูตร เขียนหนังสือและตำราด้วย AI
ทักในช่องความคิดเห็นหรือในอินบ็อกซ์ทันทีตอนนี้บอกรุ่นที่ท่านต้องการ

อีกช่องทางสำหรับการสั่งซื้อ @Line (@7d.hub) หรือสแกน QR code นี้ได้เลยค่ะ

Scroll to Top