อะไรคือผลดีของการแยกขยะ?
ขยะเปียก (ถังสีเขียว) เป็นขยะที่เน่าเสียง่าย ย่อยสลายเร็ว อย่างเศษอาหาร ผักผลไม้ ต้นหญ้าหรือใบไม้แห้ง ขยะพวกนี้สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ย หรือนำไปแปรรูปให้เป็นอาหารสัตว์ได้
ขยะรีไซเคิล (ถังสีเหลือง) ขยะที่ใช้ซ้ำหรือขายได้ อย่างกระดาษ ขวดพลาสติก กล่องพลาสติก ขวดแก้ว เศษโลหะ ขยะพวกนี้สามารถทำราคาได้ ช่วยลดปริมาณขยะส่วนเกิน ลดการสิ้นเปลืองพลังงานและทรัพยากร
ขยะทั่วไป (ถังสีน้ำเงิน) ขยะที่ย่อยสลายยาก ไม่คุ้มต่อการนำไปรีไซเคิล อย่างหลอด ถุงขนม กล่องโฟม ถุงพลาสติก การแยกขยะทั่วไปจะทำให้ปริมาณในการกำจัดขยะน้อยลง และสามารถจัดการกับขยะได้ง่าย
ขยะอันตราย (สีส้ม) ขยะที่มีสารเคมี อย่างหลอดไฟ ถ่านไฟฉาย กระป๋องสเปรย์ ยาหมดอายุ เราสามารถกำจัดขยะพวกนี้อย่างถูกวิธีได้ โดยไม่ให้สารเคมีรั่วไหลสู่พื้นที่ธรรมชาติ
เมื่อเราต่างมีเส้นทางในชีวิตประจำวันเป็นของตัวเอง แต่ชีวิตประจำวันอย่างหนึ่งที่เรามีเหมือนกันคือการสร้าง ”ขยะ” ในครัวเรือน โดยเฉลี่ย 1 คนจะสร้างขยะอย่างน้อย 1 ถุง ซึ่งขยะภายในถุงนั้นก็หลากหลาย และส่วนใหญ่เราจะแบกถุงนั้นไปทิ้งเลยโดยที่ไม่แยกขยะ ภายในนั้นก็อาจจะเป็นเศษอาหาร ถุงพลาสติก ขวดน้ำ เศษไม้ ขยะเล็ก ๆ ต่าง ๆ มากมาย ด้วยความที่ขยะมันหลากหลาย เลยเป็นที่มาของความขี้เกียจในการแยกขยะ
การที่มีถังขยะน้อย ประเภทถังขยะก็ไม่เอื้ออำนวยให้เราแยกขยะ เลยเป็นแรงบวกในการไม่สนใจแยกขยะไปอีกขั้น และความรู้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เราขาดไป เราไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องแยกขยะ หลายคนแยกขยะแต่พอถึงเวลาเก็บขยะก็ถูกเทรวมกันอยู่ดี เลยมองว่าการแยกขยะเลยเป็นกิจวัตรที่ทำให้เสียเวลาเปล่า และแน่นอน การไม่แยกขยะจะทำให้จัดการกับขยะยาก เลยต้องกองขยะไว้รวมกันจนเกิดเป็นมลพิษ ขยะบางส่วนทุกพัดลงแม่น้ำ ลอยสู่ทะเลจนกลายเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม
เหตุผลหลาย ๆ อย่างทำให้การแยกขยะในประเทศไทยไม่ประสบความสำเร็จ เราเห็นปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นเพราะขยะที่มากล้น ทั้งมลพิษทางน้ำ ทางอากาศ ปัญหาการส่งกลิ่น การที่เราไม่ประสบความสำเร็จทางด้านการแยกขยะ สิ่งนั้นก็วนกลับมาทำร้ายเรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และมันก็ได้กลายเป็นปัญหาระดับโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยที่เดียว
แต่ยังมีเพจหนึ่ง ได้เป็นสื่อที่ทำให้เราได้ตระหนักคิดว่า ปัญหาที่เราเผชิญร่วมกันอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากตัวเราในฐานะผู้ผลิตขยะคนหนึ่ง และเราสามารถแก้ปัญหานั้นได้ โดยเริ่มจากความรู้และการลงมือทำ และเพจนั้นก็คือเพจ “ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป”
ผู้อยู่เบื้องหลังเพจ “ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป” คือคุณเปรม พฤกษ์ทยานนท์ ซึ่งไม่ใช่ลุงขับรถซาเล้ง แต่เป็นคน Gen Y คนหนึ่ง ที่มองว่า ขยะเป็นของพวกเราทุกคน ไม่ใช่ของใครสักคนหนึ่งที่ต้องจัดการให้ หากทุกคนเรียนรู้วิธีการจัดการขยะของตัวเอง อะไรหลาย ๆ อย่างจะเปลี่ยนไป
ย้อนกลับไปสมัยเรียน คุณเปรมเรียนเกี่ยวกับวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังเรียนจบ ก็ได้เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ที่บริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง ระหว่างทำงาน ก็เรียนปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ควบคู่ไปด้วย เมื่อทำงานเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี บวกกับการเรียนจบปริญญาโท อนาคตและดีกรีของตัวเองกำลังสดใสไปได้สวย แต่สุดท้ายก็ต้องกลับบ้าน…
บ้านคุณเปรมทำธุรกิจรับซื้อขยะมามากกว่า 50 ปี และคุณเปรมก็เติบโตมากับมัน แต่ตัวเขาก็ไม่ได้ชอบมัน ระหว่างที่เติบโต มีดีกรี มีอาชีพในฝัน คุณเปรมก็ไม่อยากกลับมาคลุกคลีกับธุรกิจของครอบครัวเลย และวันแย่ ๆ ก็มาถึง และวันนั้นคือวันที่ธุรกิจและบ้านมีหนี้ เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณเปรมกลับมาเพื่อดูแลและช่วยเหลือเคลียร์หนี้ที่บ้าน ด้วยความที่ไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจเกี่ยวกับขยะ ทำให้ต้องศึกษาหาความรู้เยอะอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณเปรมได้เข้าใจ คือธุรกิจที่บ้านเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งที่สามารถทำกำไรและช่วยโลกได้พร้อม ๆ กัน
ด้วยความที่เป็นคน Gen Y คนหนึ่ง ก็อยากจะเปลี่ยนแปลงให้อะไรหลายอย่างดีขึ้นบ้างในทิศทางของเรา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันเป็นธุรกิจของครอบครัว ถึงอย่างนั้น ความพยายามก็ไม่หมดไป คุณเปรมลองทำสตาร์ทอัพ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนหันมามองหาโลกออนไลน์มากขึ้น และมองว่าโลกโซเชียลสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ สุดท้ายเลยมาเปิดเพจ “ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป” เพื่อให้คนได้เข้าใจธุรกิจเกี่ยวกับการรีไซเคิล ให้ความรู้เกี่ยวกับการแยกขยะ การรีไซเคิล ขยะอะไรที่สามารถนำไปขายต่อได้ ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ควรค่าแก่การเผยแพร่ และทุกคนควรรู้ เพื่อสังคมที่ดีขึ้น และเห็นเหตุผลของการแยกขยะมากขึ้น
ความรู้ที่เป็นคอนเทนต์ในเพจ “ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป” จะเป็นความรู้ทั่วไป แต่บางครั้ง ความรู้ทั่วไปนั้น หลายคนก็ไม่มีโอกาสได้เข้าถึงหรือเข้าถึงได้ยาก คุณเปรมเลยสรรหาและเรียบเรียงให้อ่านง่าย เข้าใจง่าย สามารถเข้าถึงได้ทุกคน
จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะลองทำเพจไปสักปี วันละโพสต์ แต่ผลตอบรับดีกว่าที่คิดเอาไว้ มีผู้คนมากมายที่สนใจในเรื่องนี้ จริงจังกับเรื่องนี้เช่นเดียวกับคุณเปรม ความเคลื่อนไหวและการที่ผู้คนจริงจังกับปัญหาสิ่งแวดล้อมนี้มากขึ้น ทำให้คุณเปรมยังทำคอนเทนต์ลงเพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไปมาจนถึงวันนี้ การได้เห็นผู้ติดตามทักเข้ามาเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คัดแยกขยะตามวิธีที่คุณเปรมได้แนะนำลงเพจ สิ่งนี้เอง ที่ทำให้คุณเปรมชื่นใจและมีกำลังในการนำเสนอคอนเทนต์เหล่านี้ออกไป ไม่เพียงแค่คนรักษ์โลกหรือสายกรีนเท่านั้น เป้าหมายหลักคือการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ให้กับคนทั่วไป คนที่ไม่ได้สนใจให้มาสนใจปัญหาเหล่านี้และเปลี่ยนแปลงตัวเองกันให้มากขึ้น ต่อให้ไม่ใช่สายกรีน ก็ทำให้สิ่งรอบข้างกรีนได้ ให้รู้ว่าการแยกขยะไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด
และคุณเปรมก็ได้ทำสตาร์ทอัพด้วย คือแอพพลิเคชั่น Green2Get ที่เป็นแอพพลิเคชั่นในการช่วยคัดแยกขยะ โดยให้เราสแกน Bar Code แล้วจะสามารถรู้ได้ ว่าขยะชิ้นนั้นมีส่วนประกอบอะไร ควรแยกอย่างไร และจุดรับบริจาคหรือจุดรับซื้ออยู่ที่ไหน
อ้างอิงจาก :
https://bit.ly/3ZMoZZX
https://bit.ly/3U79GYP
https://bit.ly/3Ys7IUE
https://bit.ly/3ZH5VwN
https://www.facebook.com/3WheelsUncle/