ทำร้านซักรีดเหมือนกัน แต่คิดราคาต่างกัน เป็นเพราะอะไร

ในการทำธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะเห็นธุรกิจหลายอย่างดำเนินการเหมือนกัน เหตุผลที่อธิบายได้ก็คือ ธุรกิจเหล่านั้นมีการกำหนดรูปแบบการทำมาแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรเป็นลำดับขั้นตอน แต่หลายครั้งการที่เราจะทำธุรกิจเดียวกันให้ต่างจากคนอื่น มันคือขึ้นอยู่ที่เราว่าจะคิดอย่างไรให้ต่าง

ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านนวดเท้าให้บริการลูกค้าพร้อมกัน 5 คน แต่ร้านของคุณ ที่นอนนวดทั้งสองฝั่งเป็นเตียงเหล็กและใช้ที่นอนเป็นยางพารา ติดแอร์ แต่ไม่มีที่กั้นระหว่างเตียง ไม่ได้ตกแต่งร้านอะไร ผนังก็ปล่อยเป็นกำแพงขาวไว้เฉยๆ คิดราคา 1 ชม. 150 บาท จนวันหนึ่งมีร้านนวดเท้าเปิดใหม่อยู่ใกล้ๆ ใช้เก้าอี้เบาะหนังอย่างดี ไฟในร้านก็ใช้ไฟวอร์ม มีเครื่องปล่อยกลิ่นหอม มีการติดตั้งลำโพงขนาดเล็กเปิดเสียงน้ำไหลคลอไป คิดราคาเริ่มต้น 1 ชม. 450 บาท

แม้จะเป็นร้านนวดเหมือนกัน แต่วัตถุดิบที่นำมาใช้งานมีคุณภาพต่างกัน ผลลัพธ์ที่คุณจะได้ก็จะต่างกันไปด้วย

ในธุรกิจร้านซักรีดก็เหมือนกัน คุณมีโอกาสเปิดร้านได้ถึง 3 รูปแบบ คือ ซื้อเครื่องจากแฟรนไชส์มาทำเอง เปิดร้านให้บริการซักอบสองอย่าง หรือจะเปิดเป็นซักอบรีดครบวงจร ซึ่งร้านแต่ละแบบก็จะมีการใช้วัตถุดิบที่ต่างกันออกไป ทำให้การคิดราคาซักผ้าที่แตกต่างกันออกไปด้วย

ร้านที่มีเครื่องซักอย่างเดียว

ผมเริ่มจากร้านที่ให้บริการเครื่องซักอย่างเดียวก่อน ซึ่งหลายคนคุ้นเคยกันมากที่สุด ร้านเหล่านี้ไม่ได้มีบริการอะไรมากมายนอกจากเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ส่วนเหรียญกับน้ำยาก็ต้องเอามาเอง เรียกว่าต้องดูแลตัวเอง หากคุณสนใจธุรกิจซักรีด แต่ไม่ได้อยากเปิดใหญ่โตอะไร แค่เปิดเอาไว้ทำเป็น Passive Income เบาๆ ลงทุนไม่มาก แค่หาที่ตั้งและซื้อเครื่องมาให้บริการอย่างเดียว ซึ่งคุณก็จะต้องคิดราคาในเรตต่ำ เพราะคุณให้บริการแค่ตัวเครื่อง เช่น

  • เครื่องซัก 10 กก. ราคาซัก 20 บาท
  • เครื่องซัก 12 กับ 14 กก. ราคาซัก 30 บาท
  • เครื่องซัก 15 กับ 16 กก. ราคาซัก 40 บาท
  • เครื่องซัก 18 กก. ราคาซัก 60 บาท

คุณจะได้กำไรจากคนที่มาใช้เครื่องซัก มากี่คน แต่ละคนใช้เครื่องไหนบ้าง หากคุณสังเกตและจดบันทึก คุณก็จะรู้ข้อมูลส่วนนี้ทันที

ร้านที่คิดค่าบริการเป็นรายชิ้นและรายเดือน

ต่อมาคือ ถ้าคุณไม่ได้อยากมีแค่ Passive Income แต่อยากทำเป็นธุรกิจไปเลย การเปิดร้านแบบต่อมาคือ การเปิดร้านซักอบรีดแบบครบวงจร โดยคุณต้องซื้อเครื่องอบผ้า เตารีด และราวตากผ้า มาให้บริการเพิ่มเติม ในส่วนของราคาซักผ้า คุณมีวิธีได้ 2 แบบ คือคิดเป็นรายชิ้นโดยนับตามจำนวนเสื้อที่ลูกค้าเอามาซัก กับคิดเป็นแบบเหมาไปเลย เริ่มต้นคุณอาจจะคิดราคาซักกับราคารีดตามจำนวนเสื้อที่ลูกค้านำมาให้ซักแบบแยกตามประเภท เช่น

  • เสื้อยืดตัวละ 8 บาท
  • เสื้อโปโล (แขนสั้น/แขนยาว) ตัวละ 10/15 บาท
  • เสื้อเชิ้ต (แขนสั้น/แขนยาว) ตัวละ 15/18 บาท
  • กางเกง (ขาสั้น/ขายาว) ตัวละ 8/12 บาท

และอีกแบบคือ การคิดรายเดือน ซึ่งจะมีปริมาณเสื้อผ้าที่มากกว่าเดิม ส่วนราคานั้นก็อิงตามพื้นที่ที่ร้านไปเปิดอยู่ ตัวอย่างคือ คุณสุทิน เจ้าของร้านซักรีดแห่งหนี่ง ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า การคิดราคาแบบเหมาขึ้นอยู่กับทำเลที่ร้านไปเปิด ซึ่งร้านของคุณสุทินเองนั้น มีการคิดราคาซักแบ่งตามพื้นที่ได้แก่

  • สาขากรุงเทพ ซัก 40 ชิ้น ราคาซัก 500 บาท
  • สาขาโคราช ซัก 50 ชิ้น ราคาซัก 800 บาท
  • สาขาปทุมธานี ซัก 50 ชิ้น ราคาซัก 600 บาท
  • สาขาชลบุรี ซัก 40 ชิ้น ราคาซัก 500 บาท
สนใจหนังสือ คลิก

ค่าบริการร้านแฟรนไชส์

ร้านแฟรนไชส์ ผมก็เห็นว่าแม้ตัวร้านจะมีแค่เครื่องซักกับเครื่องอบ ไม่มีบริการรีด แต่พวกเขาใช้เครื่องที่มีคุณภาพสูง มีโต๊ะให้นั่งรอ มีป้ายบอกราคา และวิธีการใช้งานที่ชัดเจน มีการตกแต่งร้านที่สวยงาม อย่างร้าน Otteri มีค่าบริการซักผ้าเริ่มต้นที่ น้ำเย็น 40 บาท น้ำอุ่น 50 บาท และน้ำร้อน 60 บาท สำหรับเครื่องขนาด 10 กก. ส่วนเครื่องขนาดใหญ่ที่สุด คือ 18 กก. คิดราคาน้ำเย็น 60 บาท น้ำอุ่น 70 บาท และน้ำร้อน 80 บาท

แต่เมื่อมาดูอีกแฟรนไชส์อย่าง WashXpress มีค่าซักผ้าเริ่มต้นน้ำเย็น น้ำอุ่น และน้ำร้อนเท่ากับ Otteri แต่จะต่างกันที่ WashXpress ใช้เครื่องซักเริ่มต้นที่ขนาด 9 กก. ส่วนเครื่องขนาดใหญ่ที่สุดนั้นมีความจุถึง 27 กก. คิดราคาซักน้ำเย็น 100 บาท น้ำอุ่น 120 บาท และน้ำร้อน 140 บาท

ดังนั้น คุณจะเห็นว่าแฟรนไชส์นำวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเข้ามาให้บริการ และประสิทธิภาพในทีนี้คือ ความจุ ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้าน Otteri แล้วอยากให้บริการด้วยราคาระใกล้เคียงกับ WashXpress คุณก็ต้องหาเครื่องที่มีความจุใกล้เคียงกันมาให้บริการ ถึงจะคิดราคาใกล้กันได้

สนใจหนังสือ คลิก

ความแตกต่างคือ วัตถุดิบและคุณภาพ

คุณคงจะเห็นแล้วร้านซักรีด แม้จะให้บริการเหมือนกัน แต่ก็มีวิธีคิดราคาซักผ้าที่ต่างกัน ซึ่งก็มาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ไม่เหมือนกันด้วยจำนวนเครื่อง และคุณภาพ ถ้าคุณเปิดให้บริการเครื่องซักอย่างเดียว จะไปคิดราคาเหมือนกับร้านที่เปิดครบวงจรก็ไม่ได้ นอกจากจะพัฒนาให้มีบริการเหมือนกัน

แต่คุณเปิดร้านที่ให้บริการเหมือนกับร้านใกล้เคียง จุดที่จะทำให้คุณมีกำไรเพิ่มขึ้นได้ก็มีอย่างจำนวนเครื่องที่เพิ่มขึ้น หรือเพิ่มความจุเพื่อรองรับปริมาณ หรือจะเป็นการรีดผ้า ถ้าคุณใช้เตารีดแห้งในการรีด คุณจะรีดเสื้อได้ต่อวันประมาณ 30-40 ตัว เนื่องจากคุณต้องฉีดน้ำยาให้ผ้านุ่มด้วย

แต่ถ้าคุณอยากรีดเร็วขึ้นให้ทันกับปริมาณผ้าที่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนมาใช่เตารีดไอน้ำอุตสาหกรรมหรือเตารีดกระปุกเกลือที่เหมาะกับการรีดผ้าปริมาณ 80 ตัวต่อวัน เพราะเตารีดดังกล่าวมีกำลังไฟที่สูงขึ้นและแทงค์น้ำที่สามารถจุน้ำได้มากกว่า ทำให้คุณรีดต่อเนื่องได้นานกว่า ผ้าจะเรียบกว่าการใช้เตารีดแห้ง ลดเวลาการเติมน้ำเข้าไปใหม่ได้ คุณก็จะมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าแล้ว 

ทำเหมือนกันได้ แต่ถ้าคุณคิดให้ต่างได้ คุณก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

สนใจหลักสูตรประมูลทรัพย์บังคับคดี คลิก

คลังความรู้อสังหาฯ

Scroll to Top