ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพัฒนาธุรกิจมักเป็นช่วงแห่งการเริ่มต้นเสมอ ความท้าทายทุกอย่างจะเกิดขึ้นในเวลานี้เป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรให้ความสำคัญ คือ การติดตั้งความรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย ยิ่งรู้เรื่องที่รอบด้านมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ธุรกิจมีความแข็งแรงมากเท่านั้น
เมื่อความรู้และทักษะต่างๆ ถูกพัฒนาตามกาลเวลา สิ่งที่ตามมาจะต้องเป็นการบริหารและจัดการกับสิ่งเหล่านั้นให้ดี มีหลายคนที่มีความรู้อยู่มากมายในตัวเอง แต่ไม่สามารถจัดลำดับมาใช้เป็นประโยชน์ได้ สุดท้ายสิ่งที่มีอยู่ก็ไร้ความหมาย ด้วยเหตุนี้ การบริหารจึงสำคัญมากกับธุรกิจ
โดยเฉพาะสำหรับร้านอาหาร ธุรกิจที่ต้องมีการทำงานในหลายขั้นตอน ไหนจะการควบคุมคุณภาพในแต่ละเรื่องที่ต้องเป็นไปอย่างดี การดูแลวัตถุดิบที่พิถีพิถัน วิธีการส่วนมากต้องมีเรื่องของช่วงเวลาเป็นตัวกำหนด จึงทำให้ความรู้ก็ยังคงสำคัญ แต่สิ่งสำคัญกว่า คือ การบริหารและจัดการในเรื่องทั้งหมดให้ราบรื่นและลงตัวไปด้วยดี โดยที่ทุกเรื่องจะต้องสอดประสานทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ
การเรียนรู้เรื่องของ Marketing Management ไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจเป็นระบบและมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้เจ้าของร้านอาหารได้มีการกำหนดเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจนขึ้น รู้ว่าสิ่งที่จะทำต่อจากนี้รูปร่างหน้าตาจะเป็นเช่นไร และถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายไม่ซับซ้อน แต่ก็เป็นจุดอ่อนที่หลายคนมองข้าม เมื่อเป็นแบบนั้นระบบภายในของธุรกิจก็จะไร้ประสิทธิภาพ และจะส่งผลถึงผลประกอบการอย่างปฏิเสธไม่ได้
ต้องยอมรับว่าการตลาดที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลไปถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าและบริการได้ดียิ่งขึ้น โอกาสในการเข้าถึงที่มากขึ้นของกลุ่มลูกค้า จะเป็นผลลัพธ์ที่คอยบอกว่าการรับรู้ถึงแบรนด์ และโอกาสในการขายจะเป็นเช่นไร ถึงหลายครั้งจะมีคนบอกว่า “การที่ผู้คนเข้าถึงธุรกิจได้มากก็ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะได้รับการสนใจที่มาก” แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มโอกาสเข้าถึงก็ยังจำเป็นและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อยู่ดี
Marketing Management จึงเป็นการบริหารจัดการธุรกิจด้วยการวางแผนโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้น มีการจัดลำดับขั้นตอนอย่างเป็นระบบเพื่อให้ธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ ได้มีแนวทางที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น สอดคล้องไปถึงเป้าหมายที่จะชัดขึ้นไปด้วย เพราะปัญหาของใครหลายคนก็คือการจับต้นชนปลายไม่ถูกในช่วงแรก ใช้เวลาทดลองไปเรื่อยจนกว่าจะพอใจ แต่หากถ้ารู้ว่าต้องทำขั้นตอนแบบไหน ก็คงจะยิ่งช่วยให้จากภาพเป้าหมายที่เลือนลางก็เริ่มกระจ่างขึ้นมาบ้าง หรืออย่างน้อยก็ประหยัดเวลาไปได้พอสมควรทีเดียว
1. ประเมินความเหมาะสมของตลาด
คำถามแรกก่อนทำธุรกิจร้านอาหารไม่ใช่แค่ว่าขายอะไรแล้วจะทำกำไรได้ดีที่สุด แต่ควรเป็น “ลูกค้าต้องการสิ่งนี้ใช่หรือไม่?” หากมีคำตอบในใจว่าใช่ ให้ลองหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าเพราะอะไร แล้วด้วยเหตุผลอะไรร้านอาหารของเราถึงจะเป็นที่ต้องการของคนส่วนใหญ่ การทำแบบนี้จะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร และความต้องการของตลาดในเวลานี้มากเท่าไหร่ ยิ่งเข้าใจฐานลูกค้าที่จะเกิดขึ้นก็จะรู้ว่าต้องปรับตรงไหนที่จะให้ผลลัพธ์เข้าเป้ายิ่งขึ้น
2. สร้างกลยุทธ์ทางการตลาด
รากฐานสำคัญของการตลาดขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ว่าเป็นไปแบบใดการมีแผนจะช่วยให้กระบวนการทำงานง่ายขึ้น และเพื่อให้ได้ผลจึงต้องมีวิธีในการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าเลือกธุรกิจของเรา ต้องเริ่มสร้างการรับรู้ให้ตรงกับช่องทางของเป้าหมาย จากนั้นพิจารณาบอกในสิ่งที่เป้าหมายต้องการ และท้ายที่สุดตัดสินใจจะไปอยู่ในมือของกลุ่มเป้าหมายเอง หากไม่เป็นตามเป้า ก็ต้องย้อนกลับมาแก้ไขตั้งแต่ในวิธีแรกอีกครั้ง
3. ส่งต่อคุณค่าผ่านบุคลิกภาพที่แสดงออก
หน้าตาของร้านอาหารเปรียบเสมือนการสร้างความประทับใจแรก การจะทำให้คนตกหลุมรักมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับบุคลิกหรือสิ่งที่ต้องการแสดงออก เรื่องแบบนี้จึงสำคัญมากเพราะหากสิ่งที่จะสื่อออกไปของร้านอาหารขัดกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ การปฏิเสธจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในส่วนนี้จึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอตัวตนออกมา เพื่อที่จะบอกคุณค่าและสิ่งที่ร้านอาหารมีให้ทุกคนได้รับรู้ อาจต้องสำรวจสิ่งรอบตัวที่มี เพื่อสร้างความแตกต่างให้ร้านอาหารมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
4. สำรวจตัวชี้วัดทางการตลาดออนไลน์ให้เข้าใจ
ด้วยความที่ช่องทางออนไลน์เป็นอะไรที่เข้าถึงง่าย การเช็คว่ามีการเข้าถึงเว็บไซต์หรือช่องทางโซเชียลต่างๆ เท่าไหร่ก็ทำได้ไม่ยาก สื่อสังคมทั้งหลายมีผู้ติดตามหรือแสดงความคิดเห็นมากเท่าไหร่ก็รับรู้ได้ แต่หาก ‘ไม่’ คงต้องแก้ไขที่หลังบ้าน และการใช้กลยุทธ์ของ SEO มาช่วยก็จะทำให้ปัญหาในส่วนนี้หมดไป เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการลงโฆษณาที่ตามมาในอนาคต
5. ทีมที่แข็งแรงจะทำให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ
คงเคยได้ยินกันว่า “ธุรกิจจะเติบโตไม่ได้ถ้ามีทีมที่ไร้ประสิทธิภาพ” อาจจะฟังดูแรงแต่ไม่เกินจริง แม้ต่อให้ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจหลายคนจะสร้างมาด้วยตัวคนเดียว แต่พอถึงจุดหนึ่งก็ต้องมีพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยเหลืออยู่ดี เมื่อมีคนมากขึ้นความคาดหวังก็ใหญ่ขึ้นอย่างหนีไม่ได้ กระบวนการทำงานจึงต้องเปลี่ยนไป ด้วยความเป็นผู้นำที่ดีจะต้องจัดการในส่วนนี้ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของตัวเอง การแบ่งหน้าที่ชัดเจน ก็ทำให้รูปแบบดำเนินไปง่าย ขณะเดียวกันก็จะง่ายต่อการประเมินในแต่ละขั้นตอน เพื่อจะแก้ไขได้ในทันที ไม่จำเป็นต้องเสียเวลารื้อระบบทั้งหมด เพราะเมื่อไหร่ก็ตามมีทีมที่แข็งแรงมากพอ จะช่วยยกระดับในทุกด้านให้เข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วขึ้น
ทุกวันนี้การตลาดแทรกซึมอยู่ทั่วทุกที่ นับวันประสิทธิภาพก็ยิ่งมากขึ้น อาจพูดได้ว่าการบริหารจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อเข้าใจกลไกการตลาดออนไลน์ที่ชัดเจน ในเวลานี้ตลาดเป็นของทุกคนแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรักษาความได้เปรียบตรงนี้เอาไว้แล้วนำมาเป็นช่องทางต่อยอดในอนาคตได้อีกสารพัด คงถึงเวลาแล้วที่เจ้าของร้านอาหารทุกคนจะต้องเริ่มจัดการด้านการตลาดอย่างจริงจังสักที