จะดีแค่ไหน ถ้าเราเปลี่ยนระบบจากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ด้วย Internet of Things

เดี๋ยวนี้การเห็นโทรทัศน์เชื่อมอินเทอร์เน็ตได้วางขายอยู่ทั่วไป หน้าจอคมชัด มีจอขนาดใหญ่แทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แถมพอเวลาผ่านไปโทรทัศน์ก็ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดเดียวที่เชื่อมอินเทอร์เน็ตได้ เพราะทุกวันนี้ ตู้เย็น แอร์ พัดลม เครื่องซักผ้า ก็เชื่อมอินเทอร์เน็ตได้หมด อยากสั่งให้เครื่องทำงานก็แค่กดแอป เราก็สามารถควบคุมทุกอย่างได้แล้ว

หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไรนักที่เครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องเชื่อมอินเทอร์เน็ต แต่ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้สูงว่า สิ่งที่เรียกว่า Internet of Things จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรามากกว่านี้แน่

Internet of Things คืออะไร

หากพูดถึง Internet of Things (IoT) หรือ อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง ผมเองก็ไม่ค่อยคุ้นกับคำนี้เท่าไหร่ แต่พอไปหาอ่านจากแหล่งต่างๆ ก็พบว่า ที่จริงแล้ว เราใช้งานมันอยู่ทุกวัน ตัวอย่างก็คือ โทรศัพท์มือถือที่เราไม่ได้เอาไว้ใช้โทรอย่างเดียว แต่ใช้เชื่อมอินเทอร์เน็ตเพื่อให้เราทำกิจวัตรอย่างอื่นได้ ทั้งค้นข้อมูล ติดต่อหาคนอื่น ฟังเพลง เล่นเกม และยังเก็บข้อมูลสำคัญของเราเอาไว้บนมือถือ

เพราะฉะนั้น IoT จึงหมายถึงการที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เชื่อมอินเทอร์เน็ตได้ และสามารถส่งข้อมูลการใช้งานต่างๆ กลับไปที่เซอร์เวอร์ (Cloud Services) ก่อนที่เราจะดูมันผ่านแอปพลิเคชันอีกที ซึ่งถ้ามองในมุมของการทำธุรกิจก็จะพบว่า IoT ก็จะพบว่า สามารถนำไปใช้ในหลายธุรกิจได้ เช่น

ธุรกิจสุขภาพ ในมุมของการออกกำลังกาย เมื่อเราใส่ Smart Watch ข้อมูลทุกอย่างที่ได้มาจากการเก็บของเซ็นเซอร์ก็จะไปปรากฏอยู่บนแอปในมือถือของเราทำให้เรารู้ว่า เราใช้กำลังไปขนาดไหน เผาผลาญไปเท่าไหร่ เพื่อที่จะข้อมูลส่วนนี้มากำหนดรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะกับเรา

ธุรกิจการผลิต เมื่อเรานำอุปกรณ์ตรวจจับไปติดตั้งเครื่องจักร เราก็จะรู้สถานะการทำงานของเครื่องจักรทันทีว่าเป็นยังไง ถ้าเกิดเครื่องมีปัญหา ระบบก็จะแจ้งมายังศูนย์ควบคุมกลางได้เลยว่าเครื่องจักรตัวไหนมีปัญหา และมีตรงไหน ทำให้เราเข้าสู่ขั้นตอนการแก้ไขได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลามาตรวจสอบเอง

สนใจหนังสือ คลิก

IoT ในธุรกิจซักรีด

มากันที่มุมของธุรกิจซักรีด แต่เดิมการใช้งานของเราก็คือการไปกดที่ตัวเครื่องเลย แล้วรอเวลาให้เครื่องซักเสร็จ  แต่เมื่อมีการนำ IoT เข้ามาใช้งาน ตัวเราซึ่งเป็นคนซักไม่จำเป็นต้องมานั่งกะเวลาอีกต่อไป

ตัวอย่างที่ผมคิดว่าเห็นได้ง่ายที่สุดก็คือ ลูกบ้านคอนโด คุณสามารถโหลดแอปแล้วเช็คสถานะเครื่องซักได้เลยว่าว่างหรือถูกใช้อยู่ ไม่ต้องเสียเวลามาเดินดูเอง รู้ได้ทันทีว่าเครื่องเหลือเวลาเท่าไหร่จากการดูข้อมูลบนแอปได้เลย ไม่ต้องคอยไปเดินดูที่เครื่อง สามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีก

นอกจากประโยชน์ของผู้ใช้งานแล้ว ผมเองก็ได้อ่านรายงานของ Danube บริษัทผู้ผลิตเครื่องซักผ้าอุตสาหกรรมจากฝรั่งเศสที่ได้อธิบายถึงประโยชน์ของการนำ IoT เข้ามาใช้ในธุรกิจซักรีดไว้ 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่

  1. สำหรับเจ้าของร้าน

ลูกค้าต้องการความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในการใช้งาน เมื่อคุณนำ IoT มาใช้งาน คุณจะได้ประโยชน์ซึ่งถ้ามองจากภาพใหญ่ คุณจะเซ็ตระบบง่ายกว่าเดิม สามารถดู Traffic การใช้งาน และนำข้อมูลมาประเมินผลการเติบโตได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าคุณเป็นบริษัท คุณสามารถนำข้อมูลการใช้งานไปแชร์กับคนในองค์กรเพื่อนำมากำหนดทิศทางธุรกิจได้เลย

ส่วนภาพเล็ก หากเกิดปัญหากับเครื่องซักผ้าตัวไหน IoT คุณก็จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีว่าเครื่องไหนหรือชิ้นส่วนไหนทำงานไม่ปกติ ไม่ต้องรอให้ใครแจ้ง

โดยเจ้าของร้านที่ได้รับประโยชน์ก็มีทั้งผู้ที่สนใจลงทุนในร้านสะดวกซัก เจ้าของร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่ต้องการเปลี่ยนระบบจากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ และเจ้าของร้านซักรีดในคอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้าน

  1. สำหรับผู้ผลิตเครื่องซักผ้า และอบผ้า

ผู้ผลิตเครื่องซักผ้าจะดูแต่ยอดขายอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว แต่ต้องรู้ด้วยว่าเครื่องจักรของเราถูกนำไปงานในพื้นที่ใดบ้าง เมื่อนำ IoT เข้รมาใช้ มันจะนับยอดขายได้ได้ว่าขายไปให้ประเทศไหน ภูมิภาคใด หรือนับตามพื้นที่ที่เรากำหนดไว้ เพื่อนำมาวางกลยุทธ์การขายต่อไป

อย่างที่สองคือ งานบริการเชิงเทคนิค การนำ IoT มาใช้จะช่วยให้เพิ่มศักยภาพงานด้านเทคนิค เมื่อเครื่องจักรมีการใช้งานทีมงานหลังบ้านก็จะได้รับข้อมูลการใช้งานที่เครื่องส่งเข้ามาแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถนำข้อมูลไปประเมินความสามารถและต่อยอดไปถึงการพัฒนาเครื่องในรุ่นต่อไปได้

สนใจหนังสือ คลิก
  1. บริการหลังการขาย

อยากเอาชนะใจลูกค้า งานหลังบ้านก็ต้องพร้อมไปด้วย หลังจากที่แบรนด์รับทราบปัญหาจากบริษัทที่ซื้อไปจะใช้เวลาแค่ไหนในการตอบกลับ ยิ่งอยู่กันคนละประเทศด้วย เท่ากับทางแบรนด์ต้องมีทีมช่างที่คอยเตรียมพร้อมรอแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว การนำ IoT เข้ามาช่วยจะทำให้ช่างสามารถคุยกับบริษัทเพื่อแก้ไขปัญหาระยะไกลได้เลย

  1. สำหรับผู้ผลิตเคมีภัณฑ์

IoT จะช่วยให้นักเคมีจากโรงงานที่ผลิตน้ำยาทราบผลการทดสอบน้ำยาชนิดต่างๆ ว่า ส่วนผสมของสารเคมีที่ใช้ เมื่อนำมาใช้กับอุณหภูมิน้ำ ระยะเวลาการทำงาน และรอบการปั่นที่ต่างกัน จะให้ผลออกมาเป็นอย่างไรเพื่อนำมาปรับสูตรน้ำยา จากนั้นเมื่อได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับเป้าหมาย ก็สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ร่วมด้วย

IoT แท้จริงแล้วก็อยู่รอบตัวเรา

นี่คือผลสรุปจากการใช้ IoT ในธุรกิจซักรีด จะเห็นว่าแม้เราจะไม่รู้จักชื่อของมัน แต่พวกเราคือผู้ที่ใช้งานมันโดยไม่รู้ตัว สำหรับธุรกิจซักรีด การนำ IoT มาใช้งานด้วยนั้นส่งประโยชน์ต่อทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายไล่ตั้งแต่ผู้ผลิตเครื่อง บริษัทผลิตน้ำยา เจ้าของร้านซักรีด ไปจนถึงลูกค้า

ในปัจจุบัน ก็มีร้านแฟรนไชส์หลายเจ้าที่นำระบบ IoT มาใช้งานแล้ว ถ้าคุณนำ IoT มาใช้ มันจะช่วยยกระดับบริการของคุณได้แน่

สนใจหลักสูตรประมูลทรัพย์บังคับคดี คลิก

คลังความรู้อสังหาฯ

Scroll to Top