มากกว่าความสะดวกก็คือความคุ้มค่า

ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบไหนก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคงไม่มีใครที่อยากจะทำงานแบบเดิมด้วยวิธีการเดิม ๆ ไปเป็นสิบหรือยี่สิบปีหรอก แน่นอนว่าไม่มีงานไหนที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ใครบ้างล่ะที่อยากจะอยู่กับสิ่งยาก ๆ ไปตลอด แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำเพราะทุกคนต่างก็ต้องมองหาทางที่จะทำให้ตัวเองทำงานได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้นอยู่แล้ว
 
ในทุก ๆ สิบปีมักจะเห็นวิวัฒนาการของสิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นมาเสมอ ซึ่งจุดประสงค์หลักของสิ่งเหล่านี้ต่างก็คือการก้าวข้ามจากสิ่งเดิม ๆ เพื่อเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาที่กลมกลืนกับยุคสมัยมากกว่า จนหลายต่อหลายครั้งก็ถูกมองว่าสักวันหนึ่งสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นจะเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงไปเสียหมด เพราะส่วนหนึ่งได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยที่จะทำให้การทำงานของมนุษย์ง่ายขึ้นต่างหาก
ในแวดวงของคนที่ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์คงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือส่วนของการออกแบบโครงสร้างตัวอาคารที่มีความทันสมัยมากขึ้นด้วยภาพ 3D ซึ่งประโยชน์ก็ไม่ใช่เพียงแค่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความสะดวกในการใช้บริการมากขึ้น อย่างเช่น การเห็นภาพบ้านตัวอย่างที่มีความใกล้เคียงกับการก่อสร้างจริงมากที่สุดผ่านหน้าจอเพียงแค่ไม่กี่นิ้ว แต่ในมุมมองของผู้ออกแบบหรือบริษัทรับเหมาก่อสร้างกลับได้ผลดีมากกว่าที่คิดเพราะนอกจากจะไม่ต้องหอบพิมพ์เขียวเพื่อไปเสนอราคาให้กับลูกค้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในปัจจุบันการออกแบบบ้าน 3 มิติ หรือบ้าน 3D ยังเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจมากกว่านั้นเสียอีก
 
ถ้าถามว่ายังไงน่ะเหรอ?
 
ก็เพราะว่า….

เป็นการลดต้นทุนแต่เพิ่มผลลัพธ์ได้มากขึ้น

ถ้าเป็นเมื่อก่อนการเสนองานกับลูกค้าอาจจะต้องมาพร้อมกับแบบแปลนหลายต่อหลายแผ่นยังไม่รวมกับงานที่จะถูกแก้จนกว่าลูกค้าจะพึงพอใจ แน่ล่ะว่าสิ่งที่จะเสียให้กับการเสนองานในแต่ละครั้งไม่ใช่เพียงแค่ต้นทุนของกระดาษ แต่ยังเป็นทั้งเวลาและค่าจ้างของการออกแบบในแต่ละครั้งด้วย ที่มากไปกว่านั้นหากลูกค้าต้องการเห็นตัวอย่างบ้านที่มีความใกล้เคียงกับงานก่อสร้างจริงมากที่สุดก็ต้องมานั่งตัดโมเดลกันให้วุ่นอีก
 
แต่ทว่าเมื่อเปลี่ยนมาใช้การออกแบบ 3D ที่สามารถเสนองานได้อย่างละเอียดและสามารถเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนกว่ากลับสามารถปิดช่องโหว่ของปัญหาเดิม ๆ ได้แทบทุกจุด โดยเฉพาะภาพ 3 มิติที่สามารถมองได้จากหลายมุมโดยไม่จำเป็นต้องสร้างของจริงขึ้นมาก่อน รวมถึงสามารถย่อขยายแบบในการนำเสนอได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังใช้ทรัพยากรน้อยกว่า ทำให้ต้นทุนการผลิตแบบ 3 มิติต่ำกว่าการออกแบบประเภทอื่น ๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่านั่นเอง

เป็นแบบบ้านที่ครอบคลุมทุกการออกแบบและงานก่อสร้าง

เพียงแค่มีแบบ 3 มิติในมือผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมาก็แทบจะไม่ต้องกังวลแล้วว่าการออกไปเสนองานกับลูกค้าจะต้องเตรียมสาพัดแบบไปนำเสนอเหมือนที่ผ่านมา เพราะการเขียนแบบ 3 มิติ นอกจากจะใช้ในการออกแบบชิ้นงานแล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายทั้งการนำเสนอผลงานเป็นภาพนิ่งหรือทำเป็นภาพเคลื่อนไหว ขึ้นอยู่กับว่าตอนออกแบบนั้นมีการเตรียมพร้อมไว้มากน้อยแค่ไหน เช่น การเพิ่มความคมชัดในชิ้นงานเพื่อใช้ในการถ่ายรูป หรือการลดความละเอียดของโมเดลเพื่อให้ใช้งานในอนิเมชันได้อย่างไหลลื่น และที่มากไปกว่านั้น การเขียนแบบ 3 มิติ เป็นการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ในการนำเสนอมากเพราะเป็นการสร้างชิ้นงานที่สามารถมองได้จากทุกมุม และหลายมิติ ไม่ว่าจะภายนอกและภายใน สามารถย่อ ขยาย รวมถึงใส่ลงไปในชิ้นงานอื่น ๆ เช่น การวางโมเดลตึกลงในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในจุดที่ลูกค้าต้องการ เป็นต้น

ไม่ต้องรื้อทั้งแบบก็ต่อเติมชิ้นงานเดิมได้

แน่นอนว่าสิ่งที่มาควบคู่กับงานออกแบบที่ผู้รับเหมาหรือคนที่ทำงานในด้านนี้ต้องเจออยู่บ่อย ๆ ก็คือการรื้อแบบหรือการต่อเติมจากโครงสร้างเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หากว่าต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตัวอาคารจากรูปแบบเดิม ๆ มาเป็นแบบใหม่ ถ้านึกภาพไม่ออกให้ลองนึกถึงโมเดลที่ถูกตัดชิ้นส่วนต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยจนออกมาเป็นแบบบ้านหนึ่งหลัง แต่ภายหลังลูกค้า Say no ก็ต้องมารื้อส่วนที่ลูกค้าอยากเปลี่ยนออกทั้งหมด ตรงกันข้ามกับชิ้นงานประเภท 3 มิติที่แม้ว่าจะต้องแก้ไขก็ไม่ต้องใช้ต้นทุนอื่น ๆ เพิ่ม อย่างเช่น วัสดุอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดได้อีก ทั้งการนำไปเป็นส่วนประกอบในชิ้นงานอื่น ๆ ที่ใหญ่กว่า หรือใช้เป็นตัวช่วยในการดีไซน์ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่คล้ายกันได้

เป็นส่วนประกอบที่ลงตัวของงานสถาปัตย์ งานโครงสร้าง และงานระบบ

ถ้าต้องเสนองานออกแบบอาคารที่สามารถมองเห็นเหมือนเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สามารถจับต้องได้ก็คงต้องเลือกเอาสักทางว่าจะเสนองานไหนเป็นหลัก อย่างเช่น งานโครงสร้างของตัวอาคารก็ต้องสร้างโมเดลที่โชว์จุดเด่นของตัวบ้านที่จะสร้าง ถ้าจะขายงานระบบก็ต้องวาดผังที่ละเอียดยิบให้เห็นงานทุกส่วนอย่างชัดเจน ซึ่งมันจะกลายมาเป็นงานหยาบและงานยากมากกว่านั้นมาก ๆ หากว่าลูกค้าอยากจะเห็นทุก ๆ อย่างพร้อมกันในคราวเดียว แต่ทว่า

การสร้างโมเดล 3 มิติ นอกจากจะช่วยให้เห็นภาพรวมพร้อม ๆ กันแล้ว ยังเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง และการวางระบบ ทำให้ทุกฝ่ายรวมถึงลูกค้าและผู้รับเหมาสามารถเห็นข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ มองวิธีการก่อสร้างที่รวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังใช้โมเดลนี้เป็นตัวกลางในการแชร์ การอัปเดตข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดภายในงานอีกด้วย

คลังความรู้อสังหาฯ

Scroll to Top