หลายคนไม่เชื่อและมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่สิ่งที่เขาขายคือของแบรนด์เนมแท้ และตัวเขาเองก็มีทักษะในการดูอยู่แล้วว่าอันไหนของแท้ อันไหนของปลอม ต้องดูจุดไหน มีตำหนิตรงไหน นี่เป็นทักษะอย่างหนึ่งที่คนอยากขายของไลฟ์สดควรจะมี เพราะสิ่งนี้จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ที่กำลังติดตามเรา และใครที่ไหนเอากระเป๋าแบรนด์เนมมาขายในป่า…ก็มีเขาคนนี้แหละที่กล้าทำ ด้วยบุคลิกที่ไม่เหมือนกับคนขายกระเป๋าแบรนด์เนมที่ต้องดูหรู ดูมีฐานะหน่อย คุณอนุชาทำในแบบตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว คำพูด วิธีการพูดเหมือนเพื่อนตะโกนคุยกัน พูดจาตรงไปตรงมาด้วยอารมณ์โหด ๆ มีมุกตลกปนแทรกอยู่ตลอด ใช้ภาษาอีสานบ้าง ภาษากลางบ้าง เหมือนจะเอาฮา แต่มันกลับกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้คนเข้ามาติดตามเพิ่มมากขึ้น เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนต้องกดเข้าไปดู

สไตล์ตลก ๆ ดูแล้วสนุกเพลิดเพลิน บางคนอาจจะเข้ามาเอาความบันเทิงเฉย ๆ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ทุนเดิมที่ไม่มาก จำนวนกระเป๋าในสต็อกก็ไม่ได้มีเยอะอะไร วันนี้ลงทุนหลักหมื่น ขายหมดแล้วก็ต้องลงทุนต่อ ทำให้คุณอนุชาพยายามขายกระเป๋าให้หมดตลอดเพื่อต้นทุนในวันถัดไป เขาเล่าให้ฟังว่า ในช่วงแรกเริ่ม วันหนึ่งเคยขายได้สูงสุด 50-60 ใบต่อวัน ซึ่งคนดูก็พุ่งขึ้นเป็นหลักพัน ถึงแม้ว่าเขาจะยังคิดว่าตัวเองยังขายได้ไม่เยอะ แต่คนดูเขาก็เยอะ ทำให้รายได้ที่ได้ในการไลฟ์สด ไม่ได้มีแค่กระเป๋าหรือสินค้าที่ตัวเองขายเท่านั้น แต่เขายังได้โฆษณาจาก Facebook และก็มีหลายคนมาฝากร้านขายสินค้า

การไลฟ์สดขายของ ก็สามารถกลายเป็นคอนเทนต์ได้ การขายของในป่า อย่างน้อยก็ต้องมีความน่ากลัวอยู่บ้าง คุณอนุชาเลยจัดการแต่งตัวเองให้เป็นผีกระสือพร้อมกับขายของแบบตะโกน ๆ และวันนั้น ก็มีคนมาดูไลฟ์สดมากกว่า 10,000 คน ตัวอย่างของคุณอนุชา ทำให้เรารู้ว่า การขายของออนไลน์หรือการไลฟ์สดขายของใน Facebook เอกลักษณ์ที่น่าจดจำจะทำให้ผู้คนติดตาม บางคนแค่อยากเข้ามาดูว่าเรามีอะไรบ้างในวัน ๆ หนึ่ง บางคนจดใจรอสินค้าที่เรากำลังนำมาไลฟ์ขาย นักไลฟ์สดหลายคนก็เอาไปทำตามบ้าง แต่ความคิดสร้างสรรค์ในการไลฟ์บวกกับเอกลักษณ์ของตัวเองจะทำให้มีคนตั้งตารอเราเปิดไลฟ์ในทุก ๆ วัน

ปัจจุบัน นอกจากการไลฟ์ในเพจที่มีผู้ติดตามกว่า 7 แสนคน คุณอนุชาก็ได้เปิดโกดังสินค้ามือสองจากญี่ปุ่น ชื่อว่า “โกดังกระสือ มือ 2 ญี่ปุ่น” โดยขายทุกอย่างเท่าที่จะหามาได้