Market Research หรือการสำรวจตลาด ถือเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งก่อนที่เราจะนำสินค้าหรือไปเปิดร้านในทำเลที่หมาย เพราะหลังจากที่เราเลือกทำเลแล้ว ก็ต้องลงพื้นที่ไปสำรวจดูจริงๆ ว่า ทำเลดังกล่าวมีสภาพแวดล้อมตรงกับที่เราต้องการไหม หรือแม้แต่มีร้านที่ทำธุรกิจเดียวกันตั้งอยู่ก่อนแล้วหรือยัง เพราะหลายครั้งการที่เราทำ Market Research ไม่ครอบคลุมมากพอแล้วนำธุรกิจไปเปิดร้านขาย ก็อาจจะทำให้ธุรกิจของเราประสบปัญหาได้
Show DC คือตัวอย่างของห้างสรรพสินค้าที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่อยากจะเป็นศูนย์รวมความบันเทิงและวัฒนธรรมของเอเชีย มีการจัดโซนขายสินค้าที่มาจากฝีมือคนไทย แล้วก็ยังมีโซนที่นำเอาร้านอาหารเกาหลีเข้ามาให้บริการหวังดึงนักท่องเที่ยวและคนไทยที่ชอบวัฒนธรรมเกาหลีให้มาเดินห้าง
แต่สุดท้ายพอเปิดให้บริการจริงๆ ทุกอย่างกลับผิดคาด เพราะมีคนมาใช้บริการน้อยจนร้านค้าหลายแห่งจำใจต้องเลิกเช่า เพราะไม่มีคนมาใช้บริการ ด้วยเหตุผลอย่างหนี่งที่คนจำนวนมากพูดถึงเลยก็คือ ทำเล
แต่เดิมห้างวางกลุ่มลูกค้าเอาไว้เป็นคนที่ชอบวัฒนธรรมเกาหลีซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง ถ้าอยากเดินทางต้องใช้รถสาธารณะ แต่ที่ตั้งของห้างกลับไม่ได้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใดๆ ถนนที่อยู่หน้าห้างก็ไม่ใช่ทางผ่านของรถเมล์ ถ้าอยากมาต้องนั่งรถมาอย่างเดียว หรือถ้าจะขายกลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงานที่มีกำลังซื้อขึ้นมาหน่อย พวกเขายอมเสียเงินบินไปเที่ยวเกาหลีโดยตรงยังคุ้มกว่าอีก ทำให้ห้างไม่มีคนมาเดิน บรรยากาศข้างในถูกเปรียบเหมือนเป็นห้างร้าง
ในธุรกิจซักรีดก็เคยมีกรณีที่คล้ายกันเกิดขึ้น ย้อนกลับไปประมาณ 10 ปีก่อน คุณกวิน นิทัศนจารุกุล มองเห็นว่าในไทยยังมีความต้องการร้านสะดวกซักอยู่มาก เนื่องจากตัวธุรกิจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ร้านใหญ่ที่เปิดให้บริการก็มีน้อย ถ้าเป็นแฟรนไชส์ก็มีอย่าง ซิน ไฉ ฮั้ว กับ CleanPro Express จากมาเลเซียที่ขยายเข้ามาเปิดสาขาในไทย
เหตุผลนี้ทำให้เขาก่อตั้งบริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในปี 2555 เพื่อนำเข้าเครื่องซักอบรีด มาจำหน่ายให้แก่โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมก่อน จนสามปีต่อมา เขามีโอกาสเดินทางไปมาเลเซียเพื่อศึกษาธุรกิจดังกล่าวให้ละเอียดมากขึ้น
สิ่งที่เขาพบคือธุรกิจซักรีดในมาเลเซียได้รับความนิยมมาก เพราะมีแบรนด์เปิดร้านรวมกันมากถึง 3,000 สาขา ทั้งที่มีประชากรเพียงแค่ครึ่งเดียวของไทย
เพราะฉะนั้น ในเมื่อประชากรน้อยกว่า แถมขนาดประเทศก็ยังเล็กกว่าไทยหลายเท่า คุณกวินเลยมองว่าถ้าเขาหันมาเปิดร้านเองบ้างก็จะเป็นขยายธุรกิจให้เติบโตเพิ่มเติมจากการเป็นบริษัทนำเข้าเครื่องมาจำหน่ายอย่างเดียว
หลังกลับมาไทย คุณกวินคิดว่าธุรกิจซักรีดเป็นธุรกิจที่เข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ถ้านำไปเปิดในทำเลที่มีคนอยู่อาศัยเยอะยังไงก็มีลูกค้า เขาพบว่านิคมอุตสาหกรรมในต่างจังหวัดคือคำตอบ เพราะในบริเวณนิคมมีห้องเช่าเปิดอยู่มาก และคนที่เช่าส่วนใหญ่ก็คือพนักงานโรงงานที่ทำงานในนิคมนั่นเอง
เขาก็เลยเลือกเข้าไปตั้งร้านอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่สมุทรสาคร โดยมองกลุ่มลูกจ้างโรงงานที่เช่าห้องพักอยู่เป็นลูกค้าหลัก เครื่องที่ใช้ก็เป็นเครื่องนำเข้า คุณภาพสูง ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าแน่
แต่ผลปรากฏว่าหลังจากเปิดให้บริการจริง แทบไม่มีใครมาใช้
ส่วนเหตุผลก็มาจากที่แต่เดิมลูกจ้างโรงงานเป็นแรงงานที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว ทำให้พวกเขาไม่มีความคิดที่จะต้องมาใช้บริการอะไรที่เกินความจำเป็น ดังนั้น แทนที่จะต้องมาเสียเงินซักเครื่องที่แม้จะสะดวกกว่าก็จริง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสะอาดหรือเปล่า สู้ซักเองกับเองกับมือยังง่ายกว่า แถมมั่นใจว่าผ้าสะอาดแน่ ยิ่งเปิดมาถึงช่วงที่โควิด-19 ระบาด คนในละแวกก็เลือกซักด้วยตัวเองกันหมด เพราะมันเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุด ทำให้ต้องปิดร้านไป
สิ่งที่คุณกวินมาเข้าใจทีหลังคือ เขาไม่ได้ทำ Market Research เพื่อดูการใช้ชีวิตของคนในทำเลเป้าหมายว่า “พวกเขาทำกิจวัตรอย่างการซักผ้ากันอย่างไร” แต่เลือกที่จะใช้ความมั่นใจเป็นตัวนำ เพราะเห็นว่ามีคนอาศัยอยู่มากเท่านั้น ก็เลยไปตั้งร้านเปิด
แล้วคุณกวินกลับมาได้อย่างไร
สิ่งที่คุณกวินยอมรับไม่รู้จริงๆ คือ ขาดความรู้เรื่องการทำธุรกิจ จึงไปเรียนเพิ่มเติมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมีโครงการที่สอนการทำธุรกิจที่มีอยู่ให้กลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ สำหรับคนที่ต้องการขยายสาขา
การไปอบรมช่วยให้คุณกวินเรียกความมั่นใจกลับมาได้ใหม่ และมองเห็นปัญหาใหม่ นั่นคือร้านซักอบรีดทั่วไปที่ไม่ใช่แฟรนไชส์นั้นมีให้บริการตามชุมชนอยู่มาก แต่ร้านเหล่านั้นคิดค่าบริการเป็นรายเดือน คนรายได้น้อยจึงไม่มีโอกาสเข้าถึง
ยิ่งไปกว่านั้น บางร้านที่ให้บริการเครื่องซักอย่างเดียวก็ไม่ได้ดูแลเครื่องซักอย่างจริงจัง ไม่มีการซ่อมแซมหรือทำความสะอาดเครื่องเท่าที่ควร แต่ที่อาศัยก็จำเป็นต้องใช้เพราะไม่มีตัวเลือกอื่น
ปัญหาดังกล่าวคือสิ่งคุณกวินอยากแก้ไข โจทย์นี้จึงเป็นเหตุให้เขาเลือกเปิดร้าน Otteri ด้วยค่าบริการเริ่มต้นที่ 40 บาท แต่จะมีโปรโมชั่นลดราคาทุกวันพุธและในช่วงระหว่าง 24.00 – 06.00 ของทุกวันลงมาที่ 20 บาท เพื่อให้คนรายได้น้อยเข้ามาใช้บริการได้ บวกกับการตั้ง Functional Benefit เอาไว้ 3 ข้อ ได้แก่ ลูกค้าต้องได้รับความสะดวกสบาย ผ้าต้องสะอาดและแห้ง และ Branding ต้องดี
การให้บริการและการพันธกิจที่ตั้งเป้าเอาไว้ทำให้ Otteri เติบโต จากร้านที่เคยล้มเหลวในสาขาแรก ปัจจุบัน Otteri มีสาขาอยู่ 785 สาขาทั่วประเทศ จนกลายเป็นภาพจำของร้านสะดวกซักที่ถ้าให้นึกถึงชื่อร้าน Otteri ก็คงเป็นแบรนด์แรกๆ ที่หลายนึกถึง
การมีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี แต่การทำธุรกิจสิ่งที่อยู่เหนือให้ความมั่นใจคือ ความเป็นจริง ที่หลายครั้งการมองด้วยตาอย่างเดียวก็อาจไม่พอ แต่จำเป็นต้องมีการ Market Research ที่ละเอียดมากขึ้น เพื่อนำมาเสริมความมั่นใจของเราว่าสิ่งที่เราเห็นตรงกับสิ่งที่คิดเอาไว้ และช่วยยืนยันให้เราว่าเราตัดสินใจถูกแล้ว