เมื่ออายุไม่ใช่ตัวจำกัดในการเผชิญโลกกว้าง...

เมื่อเราเติบโตขึ้น เราต่างเปลี่ยนแปลงมุมมองเกี่ยวกับการออกไปเที่ยว อาจด้วยเพราะเวลาที่มีน้อยลง งานที่เยอะขึ้น หรือสุขภาพร่างกายที่เสื่อมลง อะไรหลาย ๆ อย่างทำให้การท่องเที่ยวนั้นเป็นสิ่งที่นาน ๆ ทีจะได้ทำ จนหลายคนเลือกที่จะพักผ่อนอยู่บ้านมากกว่าออกไปข้างนอก ทั้ง ๆ ที่เราน่าจะได้ออกไปใช้ชีวิตให้มากกว่านี้ ได้ท่องโลกกว้าง ได้ผจญภัย ได้สัมผัสกับธรรมชาติ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ ที่เราไม่เคยได้มีประสบการณ์ร่วม ได้กินอาหารที่ไม่เคยลิ้มลอง ได้เพื่อนระหว่างทาง

ในช่วงวัยหนึ่ง ชีวิตเราอาจถูกขัดขวางให้ทำอะไรแบบนั้น ในวัยเรียน ก็อาจโดนขัดโดยการเรียน การติวสอบ การเรียนพิเศษ ในช่วงวัยทำงาน ปัญหาใหญ่ ๆ ที่ทำให้เราไม่ได้ออกไปท่องโลกคือเรื่องของงาน และกว่าจะไปเที่ยวได้แต่ละครั้งก็ต้องทำเรื่องลา บางงาน บางตำแหน่งก็มีหน้าที่และความรับผิดชอบสูงเกินไปจนไม่สามารถลาได้ ในวัยสูงอายุ ปัญหาที่ดึงขาเอาไว้ ก็คงเป็นเรื่องของสุขภาพ ยิ่งอายุมากขึ้น สุขภาพก็แย่ลงไปตามวัย ทำให้ติดบ้านมากกว่าที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก

สูงวัยลุยไปทั่ว

การได้ออกไปเที่ยวสามารถช่วยในเรื่องของสุขภาพจิตใจได้ดี จากการศึกษาโดย Washington State University คนที่เที่ยวหลาย ๆ ครั้งในแต่ละปี เพียงเดินทางระยะ 75 ไมล์ หรือ 120 กิโลเมตรออกจากบ้าน เราก็ได้ความสุขเพิ่มเติมไปแล้ว 7% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย และก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราเข้าใจได้ ว่าทำไมการออกไปเที่ยวจึงดีต่อตัวเรา เพราะการได้ออกไปข้างนอกบ้าง ทำให้เราได้ใช้ชีวิต ได้โฟกัสอยู่กับความสุขที่กองอยู่ข้างหน้า การได้มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ลืมเรื่องราวร้าย ๆ ไปได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วขณะหนึ่งก็ตาม

ยิ่งในวัยสูงอายุ เมื่ออายุที่เยอะขึ้น มีเวลามากขึ้นแต่สุขภาพกลับฉุดรั้งเราเอาไว้ บางคนยังสามารถเดินทางได้อยู่แต่ก็เลือกที่จะอยู่บ้านเพราะกลัวว่าร่างกายจะแย่และเกิดอุบัติเหตุจนคนในครอบครัวเป็นกังวล แต่ไม่ใช่สำหรับป้าเกษ กนกพร สุภิมาส เจ้าของเพจ “สูงวัยลุยไปทั่ว” ที่อายุ 65 แล้ว แต่ก็ยังเที่ยวให้เด็กมันดูได้ และมองว่าการท่องเที่ยวคือส่วนเติมเต็มที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต และไม่ยอมให้อายุตัวเองมาขัดขวางส่วนเติมเต็มนั้น

ก่อนจะมาเป็นคนสูงวัยลุยไปทั่ว

ป้าเกษเป็นชาวเหนือ เกิดที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ป้าเกษยังเด็ก ๆ คุณแม่ของป้าเกษเปิดร้านข้าวแกง ซึ่งเป็นร้านที่ขายดีตลอด และจากการที่ป้าเกษเป็นลูกคนโตในครอบครัว จึงได้เป็นเหมือนกับมือขวาของคุณแม่ ต่างจากน้อง ๆ อีก 3 คนที่ไม่ได้มีภาระหน้าที่หนักเหมือนกับป้าเกษ ทำให้ป้าเกษไม่ได้มีเวลาออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ป้าเกษเล่าว่า เมื่อมีกิจกรรมอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจากการจัดของโรงเรียน แม่จะไม่ยอมให้ป้าเกษไปเลย ต่างจากน้อง ๆ ที่ไปไหนก็ได้ กี่วันกี่คืนก็ให้ ซึ่งถ้าเป็นเราในสมัยเด็ก ก็คงมีความรู้สึกเสียดาย เสียใจเหมือนกับป้าเกษ เพราะการได้ออกไปข้างนอก ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน มันสร้างประสบการณ์วัยเด็กที่ดีและกลายเป็นสิ่งที่น่าจดจำร่วมกัน เมื่อป้าเกษไม่ได้มีโอกาสตรงนั้น เป็นธรรมดาที่ต้องเสียใจ พอเติบโตมาเรื่อย ๆ ป้าเกษก็มองว่า ถ้าหากมีโอกาส สักวันหนึ่ง จะออกไปใช้ชีวิต ออกไปท่องโลกตามที่ใจตัวเองต้องการ แต่ต้องรอไปอีกนานแค่ไหนกัน…

เมื่อป้าเกษเรียนจบในระดับอนุปริญญา ป้าเกษก็ได้เป็นลูกจ้างร้านเสริมสวยในจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นก็ได้ตามน้องชายมาอยู่ในกรุงเทพฯ พร้อมกับแม่ เพื่อให้ป้าเกษช่วยดูแลแม่ ตอนนั้นป้าเกษก็อายุ 32 แล้ว อยู่อย่างนั้นจนอายุ 44 ที่อะไรหลายอย่างเริ่มเข้าทางป้าเกษบ้าง ต่อมาป้าเกษก็ได้เปิดร้านเสริมสวยเป็นของตัวเอง วันหยุดเป็นวันพุธ ป้าเกษเลยได้มีเวลาออกไปเดินห้างบ้าง เมื่อนั้นเอง ที่ “เวิลด์ไวด์เว็บ” เป็นที่รู้จักกันและโด่งดังขึ้นมา และป้าเกษก็รับรู้ ว่าเราสามารถเข้าไปดูแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในนั้นได้ ทำให้ป้าเกษซื้อคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมาไว้ในบ้าน และใช้เวลาพักใหญ่ในการเรียนรู้จนเริ่มท่องโลกอินเทอร์เน็ตเป็น

สนใจหนังสือ คลิก

เพจ "สูงวัยลุยไปทั่ว" แหล่งรวมความทรงจำของคนที่อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข

ป้าเกษเริ่มท่องเที่ยวผ่านทางเว็บไซต์ ช่วงไหนที่มีงานจัดเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ป้าเกษก็จะไปเดินบ่อย ๆ สุดท้าย ป้าเกษก็ได้ตัดสินใจซื้อแพคเกจเที่ยวด้วยตัวคนเดียว ที่กระบี่แบบ 3 วัน 2 คืน และครั้งนั้นก็เป็นการเห็นทะเลครั้งแรกในรอบ 30 ปี หลังจากนั้นป้าเกษก็ออกเดินทางด้วยตัวคนเดียวบ่อยขึ้น แต่ก็ระลึกขึ้นได้ ว่าการไปเที่ยวคนเดียวมันไม่ได้สนุกเท่าที่ควรจะเป็น ป้าเกษเลยเข้าเว็บ Pantip และชวนเพื่อน ๆ ในนั้นจัดทริปออกไปเที่ยวด้วยกัน และทุกครั้งที่มีเพื่อนร่วมทาง ก็ทำให้ป้าเกษรู้สึกมีความสุขมากกว่าทุกครั้ง หลังจากการเดินทางกลับ ป้าเกษมักจะโพสต์รูปทริปเหล่านั้นลงไปใน Pantip เสมอ ซึ่งผู้ติดตามก็ไม่ใช่น้อย ๆ เมื่อปี 2557 เป็นปีที่โลกออนไลน์มีบทบาทมากขึ้นและสื่อต่าง ๆ ก็เริ่มเข้าไปอยู่ใน Facebook กันหมด หลายคนเลยแนะนำให้ป้าเกษไปเปิดเพจ Facebook ป้าเกษเลยตัดสินใจไปเปิดเพจ คิดชื่ออยู่นาน เปลี่ยนชื่อบ่อยครั้ง จนมาลงตัวกับชื่อเพจว่า “สูงวัยลุยไปทั่ว” และเพจก็ได้เดินทางมาจนถึงทุกวันนี้และไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

ป้าเกษไม่ได้มีอาชีพเป็นช่างเสริมสวยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และได้หันมาจัดทริปแทน โดยมีคติในใจ ว่าอยากให้คนสูงวัยได้ออกไปเที่ยว ออกไปใช้ชีวิต และจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่แตกต่างออกไป และป้าเกษก็พร้อมที่จะเปิดรับเพื่อนใหม่ ๆ เสมอ

สนใจหนังสือ คลิก

อ้างอิงจาก : 

https://www.facebook.com/PakaedLifestyle

https://bit.ly/3Lu8lu6

https://bit.ly/3LxlP8y

https://bit.ly/3JmA65b

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.facebook.com/PakaedLifestyle

สนใจหนังสือคู่มือเขียน Content คลิก
สนใจหลักสูตรประมูลทรัพย์บังคับคดี คลิก

คลังความรู้อสังหาฯ

Scroll to Top