ทีมช่างเล็ก ๆ สามารถเรียกว่าเป็นผู้รับเหมาได้ไหม?
เชื่อว่าหลายคนที่มองหาช่างรับเหมาผ่านอินเตอร์เน็ตหรือผ่านช่องทางออนไลน์คงจะเห็นผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้วว่าในปัจจุบันมีคนที่ออกตัวว่าเป็นผู้รับเหมาใหม่ ๆ ผุดตัวขึ้นมาราวกับดอกเห็ด หรือแม้แต่คนที่กำลังคิดว่าอยากจะเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ก็ยังอยากที่จะก้าวเข้ามาอยู่ในแวดวงนี้ด้วยเหมือนกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าทีมงานหรือคนที่เห็นผ่าน ๆ ตา แบบนั้นเรียกว่าเป็น ผู้รับเหมา ได้หรือเปล่า บางกลุ่มก็มีออฟฟิศสำนักงานใหญ่โต แต่อีกกลุ่มกลับเป็นเพียงแค่ทีมช่างกลุ่มเล็ก ๆ ที่ดูไม่เหมือนกับคนที่จะสร้างบ้านเป็นหลังได้เลย บางคนยังไม่ถึงขั้นจบสถาปัตยกรรมเฉพาะทางเสียด้วยซ้ำก็ยังสามารถเขียนแบบบ้านได้ หรือในช่วงเวลาเดียวกันนั้นก็ยังยึดอาชีพเป็นทั้งผู้รับเหมาและสถาปนิกไปพร้อม ๆ กันอีกราวกับว่าเป็น One Stop Service จ้างครั้งเดียวครบจบทันทีประมาณนั้น จึงนำมาซึ่งความสงสัยที่ว่า…แล้วแบบไหนที่เรียกว่าผู้รับเหมาจริง ๆ กันแน่
ถ้าวัดกันที่หน้างานเห็นใครทำงานเกี่ยวกับโครงสร้างของตัวอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ก็คงถูกเรียกว่าเป็นผู้รับเหมาด้วยกันทั้งนั้น แต่ในเวลาเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงที่ลูกค้ากำลังหาผู้รับเหมาที่จะมาทำงานให้ตัวเองก็คงเกิดความสงสัยขึ้นมาเหมือน ๆ กัน ซึ่งแน่นอนว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ เพราะส่วนหนึ่งแล้วก็กลัวว่าจะเจอคนที่ไม่ใช่ผู้รับเหมาจริง ๆ แล้วถูกทิ้งงาน เชิดเงินหนี ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากจะเจออย่างแน่นอน
แต่…
ถ้าจะบอกว่าทั้งหมดคือผู้รับเหมาเหมือนกันจะเชื่อไหม
ผู้รับเหมา อาจจจะเป็นนิยามที่กว้างมากจนทำให้หลายคนเกิดความเข้าใจว่าต้องเป็นบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ ๆ เท่านั้นถึงจะเรียกว่าเป็นผู้รับเหมา แต่แท้ที่จริงแล้วในวงการผู้รับเหมาเองก็มีผู้รับเหมาที่หลากหลายรูปแบบ เหมือนกับการที่บอกว่าเป็นนักลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นแหละ ดังนั้นเมื่อพูดถึงแวดวงของผู้รับเหมาจึงสามารถแบ่งแยกและจำแนกออกได้เป็น 2 รูปแบบ ผ่านวิธีการดำเนินงานหลัก ๆ ได้ ดังนี้
ผู้รับเหมารูปแบบนี้มักจะเป็นที่รู้จักค่อนข้างมากเนื่องจากมีการเรียกใช้บริการได้ค่อนข้างกว้างขวาง หรือมีรูปแบบการดำเนินงานแบบบริษัทที่จะคอยประมูลงานจากบริษัทออกแบบหรือทำงานร่วมกับบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่ระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้วผู้รับเหมามาตรฐานจะมีเครดิตที่ค่อนข้างดีทั้งกับสถาบันการเงินและร้านวัสดุก่อสร้างที่เป็นพันธมิตรกัน โดยร้านวัสดุก่อสร้างนั้น ๆ ก็จะเป็นผู้ที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาเหมือนเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน
ส่วนรายละเอียดของงานก็จะมีความชัดเจนมากกว่า ทั้งการถอด BOQ แบ่งงวดงานอย่างละเอียดและจะทำการเบิกเงินตามความคืบหน้าของเนื้องานจริง ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้รับเหมามาตรฐานจะต้องมีทุนสำรองภายในบริษัทอยู่แล้วอย่างน้อยก็ 30% เพื่อใช้ในการลงทุนก่อสร้างไปก่อน ไม่ใช่เงินจากเจ้าของบ้าน และการวางโครงสร้างต่าง ๆ จะเป็นไปตามแบบที่ถูกกำหนดและออกแบบโดยวิศวกรและสถาปนิกเป็นผู้รับรองเท่านั้น ไม่สามารถปรับแก้หรือเปลี่ยนแปลงด้วยตนเองได้ ดังนั้นการใช้บริการผู้รับเหมาในรูปแบบนี้จึงมีความน่าเชื่อถือไม่ว่าจะเรื่องของเป็นผลงานหรือชื่อเสียงก็ตาม
ถ้าเคยเห็นผู้รับเหมาอยู่ใกล้ ๆ บ้านหรือเป็นคนที่อยู่ในชุมชนก็สามารถเดาได้เลยว่าเป็นกลุ่มผู้รับเหมาทั่วไป โดยส่วนใหญ่แล้วผู้รับเหมาประเภทนี้จะเป็นผู้รับเหมาที่มีธุรกิจขนาดเล็ก มีทีมช่างเพียงแค่ไม่กี่คนแต่สามารถทำงานได้อย่างครอบคลุม และเป็นงานก่อสร้างทั่ว ๆ ไป ยกตัวอย่างเช่น งานต่อเติม หรืองานปรับโครงสร้างอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งงานออกแบบในแต่ละครั้งผู้รับเหมาจะสามารถตกลงกับเจ้าของบ้านได้โดยตรง โดยผู้รับเหมาต้องทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ออกแบบ เขียนแบบ ถอด BOQ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการทำงานแบบ One Stop Service
ปกติแล้วผู้รับเหมาจะจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนบริษัทก็ได้ และมักจะรับงานในละแวกใกล้ ๆ บ้านอย่างการเข้าไปปรับปรุงบ้านมือสอง หรือการซ่อมแซมบ้านทั่วไปเพราะเครดิตยังไม่มากพอที่จะก้าวข้ามไปงานใหญ่ และในบางครั้งก็ไม่มี BOQ หรือ ถอด BOQ ไม่ละเอียด จะมีก็แต่การแบ่งเปอร์เซ็นต์งวดงานแบบหยาบ และผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายเงิน ณ วันทำสัญญาประมาณ 10-20% ก่อนลงมือก่อสร้าง และนอกจากนี้ผู้รับเหมายังสามารถปรับแบบ แก้แบบ หรือปรับราคาค่าก่อสร้างในภายหลังจากการก่อสร้างที่เริ่มต้นไปแล้วได้
อย่างไรก็ตาม หากจะบอกว่าผู้รับเหมาแบบไหนก็เหมือน ๆ กันก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว แต่การเลือกใช้บริการจากผู้รับเหมาแต่ละประเภทก็จะขึ้นอยู่กับเนื้องานที่ต้องการก่อสร้าง ต่อเติมด้วย เช่น การสร้างบ้านทั่วไปที่มีงบประมาณไม่เกินล้านบาทหรือหลายล้านบาท ส่วนใหญ่จะเลือกผู้รับเหมาทั่วไปมากกว่าเนื่องจากสามารถเจรจาง่ายและค่าจ้างที่ไม่สูง แต่หากเป็นผู้รับเหมามาตรฐานจะเหมาะกับงานด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านที่เป็นโครงการมากกว่าเพราะมีรายละเอียดของงานที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีต้นทุนสูง ทำให้เจ้าของโครงการต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้รับเหมาที่ค่อนข้างมีเครดิตดีเพื่อให้แบงก์การันตีได้นั่นเอง
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้รับเหมาทั่วไปจะเป็นผู้รับเหมาที่ต้องรับงานเล็ก ๆ เสมอไป เพราะในบางครั้งการที่จะก้าวขึ้นไปเป้นผู้รับเหมามาตรฐานก็ต้องแลกกับการที่ต้องจ่ายเงินเพื่อจัดตั้งบริษัทที่อาจจะตามมาพร้อม ๆ กับค่าบริการที่สูงขึ้น ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากว่าในปัจจุบันจะเห็นว่ามีผู้รับเหมาผลงานดี ๆ เครดิตดี ๆ จะยังรับงานภายใต้ชื่อของผู้รับเหมาทั่วไป