ที่ดินในเขตป่าสงวน 3 วิธีตรวจสอบก่อนโดนหลอกขาย

ซื้อ ที่ดิน ผิดชีวิตเปลี่ยน 

เสียเงินเสียทองแล้วจะเสี่ยงจะถูกฟ้องดำเนินคดีด้วย

ปัจจุบันพื้นที่ในต่างจังหวัดเริ่มเข้าถึงการพัฒนามากขึ้นจนบางพื้นที่แทบจะกลายเป็นหมุดหลักของนักลงทุนที่กำลังมองหาพื้นที่ทำเลดีสำหรับพัฒนาธุรกิจ อย่างที่เห็นชัด ๆ ก็คงเป็นแถบจังหวัดนครราชสีมาที่เรียกได้ว่าเป็นทำเลทองของการทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะในรูปแบบของโครงการที่พักอาศัย บ้านตากอากาศ ร้านอาหารที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ หรือแม้แต่การทำธุรกิจแบ่งที่ดินขายเป็นแปลงย่อย เมื่อพื้นที่เหล่านั้นกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหรือคนที่ต้องการปลีกตัวออกจากสังคมเมือง คนในท้องถิ่นหรือคนที่มีที่ดินหลายแปลงจึงเริ่มออกมาประกาศขายกันให้ว่อนทั้งการซื้อขายกับเจ้าของโดยตรงหรือแม้กระทั่งการซื้อขายผ่านนายหน้าก็ตาม

พอมีที่ดินทำเลดีมานำเสนอขายใคร ๆ ก็อยากจับจองเข้าไปเป็นเจ้าของทั้งนั้นเพราะหวังจะสร้างผลกำไรเป็นของตนเอง และหนึ่งในนั้นอาจรวมไปถึงนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์อีกหลาย ๆ คนที่อยากสร้างโอกาสในการลงทุนบนพื้นที่เนินเขาแล้วเอาบรรยากาศดี ๆ มาเป็นจุดขาย แต่ทว่าบางครั้งความสวยงามเหล่านั้นก็มักจะซ่อนบางสิ่งบางอย่างที่คาดไม่ถึงเอาไว้ นั่นก็คือ “ที่ดินในเขตป่าสงวน” 

ที่ดินในเขตป่าสงวน

เมื่อต้องแข่งขันกับคนอีกจำนวนมากที่หมายตาที่ดินแปลงเดียวกัน บางคนอาจไม่ทันฉุกคิดรีบทำการซื้อขายเพราะกลัวเจ้าของจะเปลี่ยนใจขายให้คนอื่นไปก่อนซึ่งกว่าจะรู้ว่าเป็นที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นพื้นที่ห้ามขายก็เสียทั้งเงินและยังก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว ดังนั้นก่อนจะกลายไปเป็นหนึ่งในคนที่ถูกหลอกขายที่ดิน นักลงทุนจะต้องเช็คให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อว่าพื้นที่นั้นคือเขตป่าสงวน เขตสปก. หรือเป็นที่ดินในเขตแนวเวนคืนหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นเงินก้อนใหญ่ที่ทุ่มไปอาจได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นเพียงที่ดินว่างเปล่าที่ขายก็ไม่ได้ ครอบครองก็ไม่ได้ แถมยังเอาคืนกลับไปให้เจ้าของเดิมก็ไม่ได้อีกด้วย

ทำไมเขตป่าสงวนจึงเป็นที่ดินห้ามขาย

โดยทั่วไปแล้วเขตป่าสงวนจะเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าหรือเป็นเขตป่าที่อยู่ภายใต้การครอบครองของรัฐ การจัดให้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นป่าสงวนก็เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมและทรัพยากรป่าไม้ต่าง ๆ ไว้เพื่อนำมาพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หรืออนุรักษ์ไว้ให้นานที่สุดเพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคตนั่นเอง

สนใจหนังสือ คลิก

แล้วคนซื้อที่ดินจะรู้ได้อย่างไรว่าพื้นที่ใดคือพื้นที่ป่าสงวน?

โดยส่วนใหญ่ของคนที่ถูกหลอกขายไม่ว่าจะผ่านนายหน้าหรือคนที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของเดิมก็ตามก็มักจะมีต้นสายปลายเหตุมาจากความไม่รู้ก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าให้พูดตามความเป็นจริงแล้วในขณะเดียวกันนั้นคนขายบางคนอาจไม่รู้มาก่อนเช่นกันว่าพื้นที่ที่ตนเองครอบครองอยู่นั้นเป็นพื้นที่ห้ามขายเนื่องจากได้รับการตกทอดเป็นมรดกมา แต่กับบางคนก็มีเจตนาที่จะขายที่ดินของตัวเองที่กินพื้นที่เขตป่าเข้าไปด้วย ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าขายไม่ได้แต่สุดท้ายก็เลือกผลประโยชน์ที่มากที่สุดให้กับตัวเองอยู่ดี ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อนักลงทุนที่ต้องการซื้อที่ดินที่อยู่ใกล้บริเวณเขตป่าหรือพื้นที่ของรัฐสามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

1. ลงตรวจสอบพื้นที่จริง

คนที่อยากซื้อที่ดินส่วนมากมักจะเป็นคนนอกพื้นที่ซึ่งอาจได้รับข่าวสารการประกาศขายผ่านนายหน้าหรือการบอกต่อจากคนในพื้นที่ ทางที่ดีในการตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่เขตป่าสงวนหรือไม่ คนที่จะซื้อควรลงไปดูพื้นที่จริงมากกว่าดูที่ดินผ่านรูปถ่ายเพราะสิ่งที่จะได้เห็นคือมุมมองทั้งหมดไม่ใช่แค่ภาพจากมุมเดียว วิธีการสังเกตคือหากที่ดินแปลงนั้นมีร่องรอยการทำกินมาก่อนจะช่วยให้มั่นใจในระดับหนึ่งว่าพื้นที่ดังกล่าวสามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่ถ้าเป็นป่ารกที่มีความอุดมสมบูรณ์ก็มีโอกาสที่จะเป็นพื้นที่เขตป่าของภาครัฐได้โดยเฉพาะพื้นที่บนเนินเขา ซึ่งในส่วนนี้คนที่จะซื้อควรกลับมาถามกับเจ้าของที่ดินอีกครั้งว่าเพราะอะไรที่ดินแปลงนั้นถึงไม่มีการใช้ประโยชน์เลย

2. ตรวจสอบจากเอกสารสิทธิ์

การตรวจสอบเอกสารสิทธิ์เป็นหนึ่งในวิธีที่มีความน่าเชื่อมากที่สุดเพราะเป็นตัวบ่งชี้ได้เลยว่าเจ้าของที่ดินมีสิทธิบนที่ดินแปลงนั้นจริงหรือไม่ ซึ่งเอกสารสิทธิ์ที่แสดงความเป็นเจ้าของได้มากที่สุดก็คือโฉนด รองลงมาคือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือเอกสารสิทธิ์อื่น ๆ แต่ต้องดูปัจจัยนอกเหนือจากนี้ประกอบด้วย รวมถึงโอกาสที่เอกสารเหล่านั้นจะได้ขึ้นเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือโฉนดในอนาคต

สนใจหนังสือ คลิก

3. หาพิกัดของที่ดินเพื่อตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้

หากไม่มั่นใจว่าที่ดินนั้นถูกครอบครองอย่างถูกต้องหรือเพื่อเป็นการป้องกันการถูกหลอกขาย ผู้ที่จะซื้อที่ดินสามารถจดพิกัดเพื่อนำไปให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ส่วนจัดการที่ดินซึ่งดูแลอยู่ในเขตพื้นที่นั้น ๆ ช่วยทำการตรวจสอบได้เช่นกัน ส่วนของเจ้าหน้าที่นั้นจะมีข้อมูลครบถ้วน ไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลเขตป่าสงวนแต่ยังรวมไปถึงความสามารถในการตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์ หรือพื้นที่ในการควบคุมดูแลของรัฐด้วย นอกจากนี้ผู้ที่จะซื้อที่ดินยังสามารถตรวจสอบพื้นที่เขตป่าได้ด้วยตนเองผ่านทางแอพพลิเคชั่น Forest 4 Thai ซึ่งเป็นตัวช่วยลดขั้นตอนในการดำเนินการและไม่จำเป็นต้องเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรงให้ยุ่งยาก

การตรวจสอบสิทธิในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่เพียงแค่เป็นการป้องกันการถูกหลอกขายที่ดินของรัฐแต่ยังช่วยให้คนที่กำลังวางแผนจะลงทุนที่ดินเพื่อเก็บไว้ขายเก็งกำไรในอนาคตหรือซื้อมาแบ่งขายต่อในระยะสั้นสามารถรับมือได้ทันท่วงทีก่อนที่จะต้องสูญเงินจำนวนมหาศาลไปบนพื้นที่ที่ตนเองไม่มีทางได้เป็นเจ้าของ และมากไปกว่านั้นหากถูกตรวจสอบอาจมีการดำเนินคดีตามกฎหมายพวงท้ายมาด้วย

สนใจหลักสูตรสินเชื่อเพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คลิก

คลังความรู้อสังหาฯ

Scroll to Top