ภาษีที่ดินแพงแต่มีที่ดินหลายแปลงจะลดภาษีอย่างไร?
นับว่าเป็นเรื่องที่ชวนหนักใจมากทีเดียวเมื่อเปลี่ยนศักราชใหม่แล้วก็ถึงเวลาต้องหยิบเครื่องคิดเลขมากดคำนวณภาษีกันยิก ๆ และที่น่าเศร้าก็ตรงที่ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายแต่ไม่ใช่รายได้นี่แหละ ถ้าถามว่าภาษีไหนที่น่าหนักใจมากที่สุดก็คงไม่พ้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยเฉพาะกับเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่หรือคนที่มีที่ดินหลายแปลงซึ่งต้องแบกรับภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกอัตราแบบที่เรียกได้ว่าไม่มีแม้แต่การลดหย่อนให้แล้วแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว และข้อเสียซ้อนสองคงจะตามมาแบบติด ๆ หากว่าเจ้าของที่ดินมีการปล่อยเช่าร่วมด้วย เมื่อมาถึงช่วงกลางปีก็คงไม่พ้นต้องหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมาคำนวณค่าภาษีเงินได้ที่มาจากค่าเช่าอีกทอดหนึ่งแน่ ๆ ดังนั้นหลายคนจึงเริ่มมองหาลู่ทางในการวางแผนภาษีแบบใหม่เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายของตนเองนั้นลดลงซึ่งวิธีการหนึ่งที่ถูกนำมาเป็นแผนสำหรับกระจายภาษีก็คือ “การจดสิทธิเก็บกิน” แล้วสิทธิเก็บกิน คืออะไร?
สิทธิเก็บกินเป็นหลักสิทธิทางกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของอสังหาริมทรัพย์โดยเจ้าของที่ดินหรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้จดทะเบียนมอบกรรมสิทธิ์สิทธิเก็บกินให้กับทายาทตามกฎหมายหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งในระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่งหรือตลอดชีวิตของผู้ได้รับสิทธิ โดยผู้ที่ได้รับมอบสิทธิเก็บกินจะมีสิทธิในการครอบครองเพื่อการทำมาหากิน อยู่อาศัย หรือเก็บผลประโยชน์จากที่ดินในรูปแบบต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น การให้เช่าที่ดิน เป็นต้น
ถึงแม้ว่ากรรมสิทธิ์และสิทธิ์ขาดในอสังหาริมทรัพย์จะยังอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ แต่ทว่าผลประโยชน์หลังจากจดสิทธิเก็บกินไปแล้วนั้นจะตกไปอยู่ในมือของผู้ทรงสิทธิทันที ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าหรือการดำเนินการใด ๆ ก็ตาม และนอกจากนี้ก็ยังรวมไปถึงความรับผิดชอบทางด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีเงินได้ในรูปแบบของค่าเช่าก็จะตกไปอยู่ที่ผู้ทรงสิทธิเก็บกินด้วย
1. การจดสิทธิเก็บกินแบบมีกรอบระยะเวลากำหนด ซึ่งการจดสิทธิเก็บกินในรูปแบบนี้สามารถวางกรอบระยะเวลาการใช้ประโยชน์บนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์กี่ปีก็ได้แต่ต้องไม่เกิน 30 ปี สามารถนำมาปรับใช้ได้ทั้งกับ ที่ดินเปล่า และอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ บนที่ดินด้วย ยกตัวอย่างเช่น บ้าน คอนโดมิเนียม เป็นต้น
2. การจดสิทธิเก็บกินแบบไม่มีระยะเวลาเป็นตัวกำหนดหรือถ้าอธิบายให้เข้าใจกันอย่างง่ายดายก็คือการจดสิทธิตลอดชีวิตของผู้ทรงสิทธินั่นเอง
3. การจดสิทธิเก็บกินภายใต้เงื่อนไขการบอกเลิกสิทธิเมื่อไหร่ก็ได้ สามารถจดทั้งแบบมีกรอบระยะเวลาและแบบไม่มีการกำหนดระยะเวลาก็ได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านภาษีในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งหรือจดสิทธิให้กับชาวต่างชาติในระยะสั้น ๆ
ทั้งนี้สิทธิเก็บกินจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อมีการตกลงเลิกสิทธิเก็บกิน หรือทรัพย์สินอันเป็นฐานรองรับสิทธิเก็บกินนั้นสลายไปโดยไม่มีทรัพย์สินอื่นมาแทน หรือเมื่อผู้ทรงสิทธิเก็บกินถึงแก่ความตาย สำหรับค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจดสิทธิเก็บกิน หากจดให้กับทายาทหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งในกรณีที่ไม่ได้รับผลตอบแทนจะถือเป็นการจดแบบไม่มีทุนทรัพย์และมีอัตราค่าธรรมเนียมแค่แปลงละ 50 บาท
และถึงแม้ว่าสิทธิเก็บกินนั้นจะเป็นการเอื้ออำนวยผลประโยชน์ทางด้านภาษีให้กับเจ้าของที่ดินที่มีทรัพย์อยู่เป็นจำนวนมากหรือคนที่ทำธุรกิจปล่อยเช่าไปในขณะเดียวกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องตระหนักถึงข้อกำหนดและประเด็นสำคัญสำหรับการจดสิทธิเก็บกินเหล่านี้ด้วย
1. การจดสิทธิเก็บกิน การปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสิทธิ รวมถึงการบอกเลิกสิทธิจะต้องดำเนินการจดทะเบียน ณ สำนักงานกรมที่ดินเท่านั้นจึงจะถือว่ามีผลตามกฎหมาย และการจดทะเบียนดำเนินการทุกครั้งต้องนำเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ไปให้พนักงานเจ้าหน้าที่สลักหลังให้เรียบร้อยเสมอ
2. การจดสิทธิเก็บกินไม่ได้กำหนดไว้เพียงแค่ที่ดินเท่านั้นแต่ยังรวมถึงอสังหาริมทรัพย์รูปแบบอื่น ๆ เช่น บ้าน หรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนที่ดินด้วย ดังนั้นอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้จึงเข้าข่ายสามารถจดสิทธิเก็บกินได้
3. สำหรับการจดสิทธิเก็บกินนั้นผู้ให้สิทธิกับผู้ทรงสิทธิจะต้องหารือและหาข้อตกลงกันให้เรียบร้อยเสียก่อนว่าต้องการให้ข้อกำหนดการให้สิทธิเก็บกินนั้นอยู่ในรูปแบบใดและมีการกำหนดระยะเวลาหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นมากที่สุดและเพื่อประโยชน์สุงสุดของทั้งสองฝ่ายโดยไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับผลประโยชน์หรือเสียผลประโยชน์อยู่เพียงฝ่ายเดียว
4. หากต้องการลดค่าใช้จ่ายในด้านภาษีอยู่แล้วก็ไม่ควรที่จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ อีก ฉะนั้นวิธีที่จะช่วยให้เจ้าของที่ดินลดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้นก็คือการจดสิทธิเก็บกินแบบไม่มีค่าตอบแทนเพราะมีค่าดำเนินการอยู่เพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น ซึ่งหากต้องการความมั่นใจว่าที่ดินที่ตนจดสิทธิเก็บกินไปนั้นจะไม่ถูกเอาเปรียบจากทางใดทางหนึ่ง สามารถจดให้เฉพาะกับคนใกล้ตัวที่เป็นทายาทหรือเครือญาติก็ได้
การจดสิทธิเก็บกินหากจะมองว่าเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการกระจายความรับผิดชอบทางด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงภาษีเงินได้จากค่าเช่าก็ไม่ได้ถูกไปเสียหมดเพราะในขณะเดียวกันก็ยังมีช่องโหว่และความเสี่ยงอีกมากมายที่จะต้องเจาะจงลงไปในรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ฉะนั้นแล้วเจ้าของที่ดินที่กำลังจะใช้วิธีนี้ในการลดภาษีของตนเองอาจจะต้องศึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อที่การวางแผนด้านภาษีนั้นไม่สะดุดลงกลางทางเสียก่อนและเพื่อผลประโยชน์ที่ควรจะได้มากกว่าเสียนั่นเอง